‘ดุสิตธานี’ มั่นใจวางรากฐานอย่างมั่นคง พร้อมเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งในบริบทใหม่ บอร์ดดุสิตธานีแต่งตั้ง “ชนินทธ์ โทณวณิก” ควบกรุ๊ปซีอีโอ หลัง “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ตอบรับ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์”
คณะกรรมการดุสิตธานี มีมติแต่งตั้ง “ชนินทธ์ โทณวณิก” รักษาการประธานกรรมการ ควบตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม (กรุ๊ปซีอีโอ) หลังจาก “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ขอเกษียณก่อนครบกำหนดจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยบริษัทเห็นชอบให้มีผลตั้งแต่วันนี้ (12 กันยายน 2568) เป็นต้นไป มั่นใจไม่กระทบการดำเนินงานของกลุ่มดุสิตธานี ย้ำ “ดุสิตธานี” ผ่านการวางรากฐานอย่างแข็งแกร่ง และพร้อมที่จะเติบโตอย่างมั่นคงภายใต้บริบทใหม่
บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับแจ้งจากนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าหลังจากได้รับการทาบทามจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้เข้าดำรงตำแหน่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” และนางศุภจีได้ตัดสินใจตอบรับการทาบทามเพื่อดำรงตำแหน่งดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงมีความประสงค์จะขอเกษียณอายุก่อนครบกำหนดจากตำแหน่ง “ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม” บมจ. ดุสิตธานี เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมเศรษฐกิจ ที่จะร่วมขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ เพื่อพัฒนาประเทศในช่วงที่ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน
และเพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทฯ เป็นไปอย่างต่อเนื่องและมั่นคง คณะกรรมการบริษัทฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 ได้มีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ควบอีกหนึ่งตำแหน่ง เพื่อให้การบริหารจัดการและนโยบายต่าง ๆ ในระยะเปลี่ยนผ่าน สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น
นายชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี เปิดเผยว่า ในฐานะองค์กรที่ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติ ดุสิตธานีรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ นางศุภจีได้รับโอกาสอันสำคัญนี้ ซึ่งจะเป็นการอุทิศตนเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติในช่วงรอยต่อที่สำคัญของบ้านเมือง
“บริษัทขอขอบคุณคุณศุภจีสำหรับความทุ่มเท ความเป็นผู้นำ และวิสัยทัศน์ที่ได้หล่อหลอมองค์กรตลอดที่ผ่านมา จนภารกิจในการวางรากฐานให้กลุ่มดุสิตธานีพร้อมที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สามารถสำเร็จลุล่วงด้วยดี ในขณะที่ภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงเวลานี้ต้องการผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาเป็นแรงขับเคลื่อน ซึ่งนับเป็นเรื่องเร่งด่วน ภายใต้เงื่อนเวลาที่จำกัด กลุ่มดุสิตธานีจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่คุณศุภจีจะได้ใช้ความรู้ความสามารถทำงานรับใช้ชาติและประชาชน ซึ่งเป็นช่วงเวลาสั้นๆ และหากภารกิจของชาติเสร็จสิ้นเป็นเรียบร้อย กลุ่มดุสิตธานีก็พร้อมจะต้อนรับคุณศุภจีกลับมาเสมอ โอกาสนี้ ผมขอร่วมแสดงความยินดีและอวยพรให้คุณศุภจีประสบความสำเร็จอย่างสูงในภารกิจอันทรงเกียรตินี้ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างยั่งยืน” นายชนินทธ์กล่าว
ขณะที่ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี รู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแบรนด์ไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลก และสามารถทำให้ “ดุสิตธานี” เป็นหมุดหมายที่สำคัญของประเทศไทยจากนักเดินทางทั่วทุกมุมโลก พร้อมกันนี้ ขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงาน ทั้งผู้ถือหุ้น กรรมการบริษัท ผู้บริหาร พนักงาน ลูกค้า และคู่ค้าของดุสิตธานี ที่ร่วมแรงร่วมใจฝ่าฟันวิกฤติรวมทั้งปัจจัยท้าทายจนทำให้แบรนด์ “ดุสิตธานี” เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง สง่างาม และน่าภาคภูมิใจ
สำหรับการดำเนินงานของกลุ่มดุสิตธานีหลังจากนี้ จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากแผนงานเดิมที่ได้ถูกวางรากฐานไว้อย่างมั่นคงตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม ธุรกิจการศึกษา ธุรกิจอาหาร และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” (Dusit Central Park) มูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท ที่จะเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งตามเป้าหมายเดิมที่วางไว้ ด้วยทีมบุคลากรที่มีคุณภาพของกลุ่มดุสิตธานีที่ยังคงทุ่มเททำงานอย่างเต็มกำลังเหมือนที่ผ่านมา ดังนั้น ขอให้ผู้ลงทุน ลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง มั่นใจและเชื่อมั่นในสิ่งที่ “ดุสิตธานี” ดำเนินการมาโดยตลอด
“อยากให้ทุกคนมั่นใจว่า สิ่งที่ถูกส่งต่อและวางไว้บนมือของผู้บริหารและพนักงานของกลุ่มดุสิตธานีหลังจากนี้ คือ การเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของดุสิตธานี บนรากฐานที่มั่นคง ที่ดิฉันและทีมดุสิตธานีทุกคนร่วมกันสร้างไว้ และนี่คือ สิ่งที่เราพยายามทำมาตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา นั่นคือ ไม่ว่าจะเผชิญกับปัจจัยท้าทาย หรือความเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ยังเชื่อมั่นได้ว่า ทั้งโครงสร้างองค์กร โครงสร้างธุรกิจ และโครงสร้างทางการเงินของกลุ่มดุสิตธานี จะรองรับกับทุกความเปลี่ยนแปลงนั้นได้เป็นอย่างมั่นคง สุดท้ายนี้ ดิฉันขอขอบคุณคุณชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ ที่ให้โอกาสและมอบหมายให้ทำภารกิจสำคัญจนลุล่วง รวมถึงยินดีและเต็มใจที่จะให้ดิฉันมีโอกาสใช้ความรู้ความสามารถในการรับใช้ประเทศชาติและประชาชน และดิฉันเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ดุสิตธานีจะสามารถยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งในฐานะแบรนด์ไทยในระดับโลกได้อย่างยั่งยืน” นางศุภจีกล่าว
ความจริงที่ซ่อนอยู่หลังตัวเลขกำไร-ขาดทุนของ ‘ดุสิตธานี’
- จากรายได้ 5,000 ล้านบาท สู่ 10,000 ล้านบาท++
แม้ว่าสิ่งที่ปรากฏในงบการเงินของ “ดุสิตธานี” ในวันนี้ มีผลขาดทุนสะสมกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเหตุให้บริษัทฯ งดจ่ายเงินปันผลตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา แต่ “ความจริง” คือ บริษัทฯ กำลังสร้าง “รายได้” ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าเมื่อ 10 ปีก่อนถึงกว่าเท่าตัว จากปี 2557 ที่กลุ่มดุสิตธานีมีรายได้รวม 5,370 ล้านบาท เพิ่มเป็น 11,204 ล้านบาทในปี 2567 และกำลังจะเพิ่มขึ้นมากกว่านั้น และแน่นอน ตัวเลขในบรรทัดสุดท้าย (กำไรสุทธิ) ก็กำลังจะพลิกเป็นบวกอย่างชัดเจน
จุดเปลี่ยนที่กำลังจะมาถึงคือการรับรู้รายได้จากการขายโครงการ “ดุสิต เรสซิเดนเซส” (Dusit Residences) ที่ขายไปแล้ว 90% มูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีการทยอยโอนอย่างมีนัยสำคัญในปี 2569 รวมถึงโรงแรมอีกกว่า 50 แห่งทั่วโลกที่อยู่ในแผนการขยายธุรกิจของดุสิตธานี
- มองให้ไกลกว่า “ขาดทุน” จะพบศักยภาพที่ซ่อนอยู่
ตัวเลขขาดทุนที่เห็น กำลังจะกลายเป็นอดีตในไม่ช้านี้ โดยในระหว่างการเดินทางที่ผ่านมาของ “ดุสิตธานี” ที่จะสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่นั้น มี “ศักยภาพ” ที่ซ่อนอยู่อย่างมีนัยสำคัญ
- จากธุรกิจที่มีเพียง 2 ธุรกิจหลัก วันนี้ “ดุสิตธานี” ขยายไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องและพร้อมที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 5 ธุรกิจ
- จากโรงแรมและวิลล่า 27 แห่ง เพิ่มเป็น 297 แห่ง โดยเป็นโรงแรม 57 แห่ง และวิลล่า 240 หลัง
- จากจุดหมายปลายทางใน 8 ประเทศทั่วโลก ขยายสู่ 18 ประเทศทั่วโลก
- และจากแบรนด์โรงแรม 4 แบรนด์ วันนี้ “ดุสิตธานี” มีแบรนด์ภายใต้การบริหารถึง 9แบรนด์ ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า
- “ดุสิตธานี” เชื่อว่า คนคือหัวใจสำคัญ
กลุ่มดุสิตธานี ให้ความสำคัญกับพนักงานกว่า 20,000 คนทั่วโลก แม้ในช่วงที่ต้องเผชิญความยากลำบากท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 แต่ “ดุสิตธานี” ยังคงยืนยันที่จะลงทุนใน “ทุนมนุษย์” โดยไม่มีนโยบายปลดพนักงาน และพร้อมที่เดินหน้าฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน ซึ่งวันนี้ เราพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การรักษาพนักงานไว้และอดทนรอจนวิกฤตผ่านพ้น ทำให้เรา “พร้อม” ที่จะเดินหน้าให้บริการด้วยมาตรฐานของ “ดุสิตธานี” อย่างทันท่วงที
- พร้อมขับเคลื่อนการเติบโต ด้วยความเชื่อมั่นและการยอมรับในระดับโลก
การลงทุนในโครงการ Dusit Central Park มูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว ด้วยวิสัยทัศน์อันกล้าหาญ ที่จะพลิกโฉมดุสิตธานีและปลดล็อคคุณค่าในระยะยาว
ทีมบริหารของ “ดุสิตธานี” ดำเนินธุรกิจภายใต้ความเชื่อมั่นของนักลงทุน สะท้อนจากอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “BBB-” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จัดอันดับโดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด และด้วยการยอมรับในระดับโลก การันตีด้วยรางวัลจาก Michelin Key และTravel + Leisure Southeast Asia Luxury Awards
“ดุสิตธานี” ยืนหยัดในความเป็นเลิศ และอุตสาหกรรมทั่วโลกต่างให้การยอมรับ ภายใต้หลักความยั่งยืนและธรรมาภิบาล ทั้งจากโครงการ Tree of Life ทั่วทั้งกลุ่ม การได้รับการรับรองการต่อต้านการคอรัปชั่นจาก CAC รวมถึงความเป็นเลิศด้านบรรษัทภิบาลด้วย CG Score ระดับ 5 ดาว และมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ISO14001:2015 จำนวน 5 ใบรับรอง
และทุกก้าวของดุสิตธานี คือการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง หมายรวมถึงสังคม และชุมชน
ทั้งหมดนั้นเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่า สิ่งที่มากกว่า “งบกำไรขาดทุน” คือ “คุณค่าที่แท้จริง” เป็น “กำไรที่แท้จริง” ของดุสิตธานี ที่ไม่ได้อยู่แค่ในงบการเงิน แต่หมายถึง “แบรนด์ ผู้คน และการลงทุนระยะยาว”