เข้าสู่ช่วง Wait & See รอดูประชุม FED

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดลบ 273 จุด (-0.6%) อย่างไรก็ตามดัชนี Nasdaq ปิดแดนบวกเพราะได้แรงหนุนจากหุ้น Microsoft ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.5% แรงกดดันจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง

Market Outlook

คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยมิชิแกนได้รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ 55.4 ต่ำกว่า Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 58.2 จากการสำรวจพบว่าผู้บริโภคมีมุมมองเชิงลบต่อทิศทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะผู้บริโภคที่มีรายได้ระดับล่างและระดับกลาง ทั้งนี้ประเด็นการค้ายังเป็นปัจจัยที่ผู้บริโภคให้ความสนใจสูง แต่โดยรวมก็สะท้อนถึงทิศทางเศรษฐกิจที่ย่าแย่ ข้อมูลล่าสุดจาก CME FED Watch ให้น้ำหนักราว 93% ที่ FED จะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน

สำหรับปัจจัยในประเทศตลาดหุ้นไทยในวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดบวกเล็กน้อย (+0.4%) แต่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิราว 764 ล้านบาท ปัจจัยในประเทศยังทรงตัว (ไม่มีปัจจัยใหม่ๆ ที่มีนัยยะสำคัญ) หลังรับทราบประเด็นบวกจากการลดดอกเบี้ยของ FED พร้อมกับรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาทมีปัจจัยน่าสนใจ พบว่าในช่วงที่เงินบาทแข็งค่าพบว่ากระแสเงินทุนต่างชาติมิได้เข้ามาในตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยยะ หากพิจารณาเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯช่วงต้นปีอยู่ที่ 34.3 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ และแข็งค่าลงมาอยู่ที่ 31.6 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ (ล่าสุด) แต่กลับพบว่านักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 8.5 หมื่นล้านบาท สะท้อนถึงปัญหาเชิงปัจจัยพื้นฐานของประเทศไทยที่เป็นไปได้ทั้งเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนขยายตัวต่ำ คืนนี้ไม่มีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม เพราะนักลงทุนจะรอดูการประชุม FED ในคืนวันพฤหัส หรือจะทราบผลทางการในช่วงเช้าของวันศุกร์ ตลาดหุ้นทั่วโลกก็ถือว่าปรับขึ้นมาสะท้อนปัจจัยคาดหวังผ่อนคลายนโยบายการเงินไปพอสมควร จึงควรระมัดระวัง Upside ที่อาจจำกัดในระยะสั้น แต่กับตลาดหุ้นไทยเชื่อว่าจะไม่ได้เห็นการปรับฐานแรง เพราะยังมีความคาดหวังจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่

วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1285 – 1300 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนอาจเลือกหุ้นที่รับประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อาทิ ค้าปลีก (BIC CRC CPALL HMPRO CPAXT) การเงิน (MTC) อสังหาริมทรัพย์ (AP SPALI) นิคมอุตสาหกรรม (AMATA WHA) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

SCB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 137.00 บาท)

ชอบที่ SCB มุ่งมั่นในการเพิ่ม ROE และรักษาผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นด้วยการจ่ายเงินปันผลสูง โดยคาดผลตอบแทนเงินปันผลสูงสุดในกลุ่มธนาคารที่ 9.2% และคาดทำไรสุทธิปี 2025 จะเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มธนาคารใหญ่ที่ 7.2% ในปี 2025

WHA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 5.10 บาท)

ในช่วง 2H25 ซึ่งในแง่เป้าการดำเนินงานยังคงเป็นไปตามแผนเดิมในทุกธุรกิจเหมือนที่กล่าวไว้ตอนประชุม นักวิเคราะห์ครั้งล่าสุดอย่างเช่นเป้าการขายที่ดิน การเพิ่มพื้นที่เช่าธุรกิจ โรงงาน รวมถึงเป้าการขายน้ำและไฟแม้จะมีการปรับลดงบลงทุนลง หลังจากมีบางธุรกิจมีการปรับแผนงานใหม่ก็ตาม

- Advertisement -