บล.กสิกรไทย:
THAI แนวโน้มการเติบโตแข็งแกร่งแต่สะท้อนในราคาหุ้นแล้ว
- โครงสร้างต้นทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้นหลังการฟื้นฟู ในปี 2567 บริษัทฯ ลดจำนวนพนักงานลง 13,504 คน ลดลงจาก 35,700 คน ในปี 2562 THAI รายงานสัดส่วนค่าใช้จ่ายพนักงานต่อรายได้ที่ 9% ในปี 2567 ลดลงอย่างมากจากที่ 21% ในปี 2562 และน้อยกว่าระดับเฉลี่ยของคู่แข่งที่ 14.6% นอกจากนี้ THAI ยังเจรจาลดต้นทุนอีก 40-50% ผ่านการปรับโครงสร้างค่าเช่าในช่วงโควิด-19 ซึ่งช่วยเพิ่มข้อได้เปรียบในการแข่งขันให้กับบริษัทฯ
- แนวโน้มการเติบโตในปี 2569 แข็งแกร่ง สมมติฐานพื้นฐานในปี 2569 ของ THAI คาดว่า ASK จะเติบโตขึ้นราว 6% YoY หนุนจาก capacity ที่เพิ่มขึ้นจากการส่งมอบเครื่องบิน NEO รุ่น A321 ที่ประมาณ 15 ลำ ผู้บริหารตั้งเป้าขยายเครือข่ายการบินโดยเพิ่มเส้นทางบินในประเทศจีน อินเดียและอินโดนีเซีย ขณะที่เพิ่มความถี่ของเที่ยวบินไปยังสิงคโปร์และฮ่องกง เส้นทางบินใหม่และความถี่ของเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวคาดจะช่วยขับเคลื่อนอัตรากำไรจากการดำเนินงานเนื่องจาก THAI รายงานอัตราตอบแทนจากผู้โดยสารในครึ่งแรกปีนี้ที่ 3.15 บาท และ 3.89 บาท สำหรับเส้นทางบินในเอเชียและในประเทศ ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าของเส้นทางบินไปยุโรปและออสเตรเลียที่อยู่ที่ 2.43 บาท และ 2.36 บาท บนสมมติฐานที่ดีที่สุด ผู้บริหารคาดว่า ASK ในปี 2569 จะเติบโตขึ้น 16% YoY บนสมมติฐานที่ THAI สามารถจัดหาเครื่องบินลำตัวกว้างเพิ่มเติมได้ เนื่องจากการส่งมอบ B787 จะเริ่มต้นในปี 2570 เท่านั้น
- คาดกำไรปกติมี CAGR ที่ 10% ระหว่างปี 2568-70 เราคาดว่า THAI จะรายงานกำไรปกติที่ 3.19/3.36/3.41 หมื่นลบ. ในปี 2568/69/70 หรือคิดเป็น CAGR ที่ 10% หนุนจากรายได้ที่มากขึ้นและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินที่ลดลง
มุมมอง KS
- แนะนำ “ถือ” TP ที่ 13.30 บาท เรามีมุมมองเชิงบวกต่อกำไรในปี 2568-70 และคาดการณ์กำไรปกติ CAGR ที่ 10% นอกจากนี้เรายังคาดถึงความเสี่ยงขาขึ้นบนจำนวนเครื่องบินในปี 2569
- ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2569 ของเราที่ 13.30 บาท อิงด้วยวิธี PER ที่ 11.2 เท่า ซึ่งสอดคล้องกับระดับเฉลี่ยปัจจุบันของคู่แข่งระดับภูมิภาคของ THAI และน้อยกว่า trailing PER เฉลี่ย 3 ปี