บล.กสิกรไทย:

TFG ผู้ผลิตไก่และหมู อันดับ 3 ของไทย หลุดพ้นจากวัฏจักรสินค้าโภคภัณฑ์ การขยายสู่ธุรกิจค้าปลีกเริ่มเห็นผลสำเร็จ โดยค้าปลีกคาดว่าจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 45% ของยอดขายภายในปี 2027 คาดว่ากำไรจะทำจุดสูงสุดในปี 2025 โดยครึ่งหลังของปี 2025 ยังแข็งแกร่ง (+61% YoY)

ค้าปลีกเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโต

  • TFG มีแผนจะเปิดร้านใหม่ประมาณ 200 แห่งต่อปี โดยคาดว่ารายได้จากค้าปลีกจะเพิ่มขึ้นเป็น 45% ของรายได้รวมภายในปี 2027 จากการสัมภาษณ์ลูกค้าที่สาขาพัฒนาการเราพบว่าลูกค้ามี loyalty และความถี่ในการซื้อสูง ซึ่งสนับสนุนแผนการขยายสาขาของผู้บริหาร
  • การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่สูงระดับมากกว่า 15% (เทียบกับ Makro และหุ้นค้าปลีกรายอื่นที่อยู่ในระดับ 0-3%) ทำให้หุ้นมีความน่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาหุ้นเชิงรับ โดยเฉพาะหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เน้นการบริโภคภายในประเทศ
การ Spin-off ธุรกิจค้าปลีกอาจปลดล็อกมูลค่าของบริษัท
  • หากรายได้ของ TFG แตะราว 50,000 ล้านบาทที่อัตรากำไรสุทธิ 3–4% การ spin-off จะสามารถสร้างมูลค่าธุรกิจได้เพิ่มราว 27,000–40,000 ล้านบาทบนสมมติฐานค่า PER ใกล้เคียงกับ Makro (เทียบกับมูลค่าตลาดปัจจุบันของ TFG ที่ 30,000 ล้านบาท) ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการ re-rating มูลค่าหุ้นในระยะกลาง
  • ขณะนี้ TFG กำลังขยายสาขา ปรับโครงสร้างการดำเนินงาน และเพิ่มมูลค่าการใช้จ่ายของลูกค้าผ่านสินค้าที่มีมาร์จิ้นดีเช่นสินค้าพร้อมปรุงและใช้ข้อมูลยอดขาย จากหน้าร้านเชื่อมโยงไปยังหน่วยผลิต ในระยะยาวบริษัทอาจนำโมเดลนี้ไปใช้ในต่างประเทศ เช่นเวียดนาม โดยแผนการเติบโตดังกล่าวจะช่วย รองรับการ spin-off ที่อาจเกิดขึ้นในปี 2028
  • มุมมอง KS : เราเริ่มต้นการวิเคราะห์ TFG ด้วยคำแนะนำ “Outperform” ให้ราคาเป้าหมายที่ 6.60 บาท โดยมีปัจจัยบวกในระยะสั้น ได้แก่ 1) ตลาดยังประเมินศักยภาพธุรกิจค้าปลีกของบริษัทต่ำไป 2) เป็นผู้ได้ประโยชน์จากราคาวัตถุดิบที่ลดลง และ 3) อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าสนใจ 6%-9% ราคาเป้าหมายนี้อิงค่า PER ที่ 6.3 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี และได้สะท้อนถึงราคาสุกรและไก่ที่จะลดลงในอนาคตไว้แล้ว ขณะเดียวกันก็รวมการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกเข้าไปด้วย

- Advertisement -