KS Daily View 25 ก.ย. 2025>>> คาด SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,270-1,295 จุด เป็น pattern sideway  up ได้เล็กน้อย โดยนายกรัฐมนตรี และทีมเศรษฐกิจ เตรียมประชุม FETCO ประเด็นนโยบายตลาดทุนเสริมพลังภาครัฐ ที่อาจส่งภาพเชิงบวกต่อตลาดหุ้น แนะนำ ERW PTTEP

 แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง ดัชนี S&P500 ลดลง 0.28%, Nasdaq Composite ลดลง 0.34%, และ Dow Jones ลดลง 0.37% ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลงติดต่อกันเป็นวันที่สอง ขณะที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังดัชนีเข้าใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ เจอโรม พาวเวลล์ กล่าวเตือนว่าราคาหุ้นอาจอยู่ในระดับที่ตึงตัวเกินไป อีกทั้งยังรอดูข้อมูลเงินเฟ้อที่จะประกาศปลายสัปดาห์นี้

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,278.41 จุด เพิ่มขึ้น 5.21 จุด (+0.41%) จากการปรับตัวขึ้นของกลุ่มค้าปลีก, กลุ่มขนส่ง, และกลุ่มสื่อสาร ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติกลับมามียอดซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยหลังจากที่มียอดขายต่อเนื่อง 5 วันติดต่อกัน  ในวันนี้ เราคาด SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,270-1,295 จุด เป็น pattern sideway  up ได้เล็กน้อย โดยนายกรัฐมนตรี ,รมว.คลัง และทีมเศรษฐกิจ เตรียมประชุม FETCO ประเด็นนโยบายตลาดทุนเสริมพลังภาครัฐ ที่อาจส่งภาพเชิงบวกต่อตลาดหุ้น ขณะที่ภาพของต่างประเทศอย่างสหรัฐ ตลาดมีทีท่าชะลอตัวลงต่อเนื่องจากวันที่ผ่านมา ด้วยความกังวลการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ อย่าง ERW เก็งการฟื้นตัวของกำไรใน 4Q25 รวมไปถึงมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว และ PTTEP จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นระยะสั้นในคืนที่ผ่านมา หลัง IEA รายงานน้ำมันดิบในคลังต่ำกว่าคาด

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. ยอดส่งออกของไทยในเดือน ส.ค. 2025 เติบโต 5.8% YoY แต่ลดลง 2.9% MoM ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 7.0% หากไม่รวมทองคำ สินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน และอาวุธ ยอดส่งออกขยายตัว 5.4% YoY ซึ่งหดตัวลงอย่างมากจาก 16.6% YoY ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่สินค้าที่ยังคงส่งออกได้ดียังเห็นใน คอมพิวเตอร์/ส่วนประกอบ และแผงวงจร ที่พุ่งสูงขึ้น 44% และ 37% YoY ตามลำดับ ในทางกลับกันสินค้าเกษตรยังคงเป็นตัวฉุดอย่าง ข้าว (-30% YoY), ยางพารา (-28% YoY), ปลาทูน่ากระป๋อง (-12%), อาหารสัตว์เลี้ยง (-5.6% YoY) มองเป็นลบกับ AAI ITC TU STA และ TEGH
  • ททท.เตรียมเปิดโครงการ “ทัวร์ไทยคนละครึ่ง” สนับสนุนค่าแพคเกจ 50% จากงบคงเหลือ หวังออกทันไตรมาสสุดท้ายปี 2025 พร้อมดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติผ่านแคมเปญ “Thailand Sure” โดยเฉพาะตลาดจีน คาดโกลเด้นวีคมีนักท่องเที่ยวกว่า 240,000 คน ทั้งปีคาดต่างชาติเที่ยวไทย 33.4 ล้านคน ลด 6% YoY จากปัญหาหลักคือความปลอดภัย ภาพลักษณ์ และการแข่งขันสูงจากเวียดนาม–ญี่ปุ่น มองเป็นบวกกับ CENTEL ERW SHR AAV BA
  • สมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดงานราชเสวนา “โจทย์ใหม่ การบินไทย เดินต่ออย่างไรไม่ให้ซ้ำรอย” โดยมีอดีตผู้บริหารและทีมฟื้นฟูได้แลกเปลี่ยนความเห็นและข้อแนะนำให้  รัฐขายหุ้นที่เหลือทั้งหมดของการบินไทยเพื่อให้องค์กรมีความความคล่องตัวในธุรกิจที่แข่งขันสูง ซึ่งปัจจุบันการบินไทยเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์หันมาใช้จุดแข็งด้านภูมิศาสตร์ ดึงผู้โดยสารเชื่อมต่อการบินผ่านประเทศไทย จากเดิมมีสัดส่วนเพียง 6% ปัจจุบันเพิ่มเป็น 22% ส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาส 2 และ 3 ที่เคยขาดทุน กลับมาทำกำไรต่อเนื่อง
  • 8M25 ต่างชาติได้รับอนุญาตลงทุนในไทย 687 ราย เงินลงทุนรวม 225,536 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% และ 125% จากปีก่อน ชาติหลักคือ ญี่ปุ่น สหรัฐ สิงคโปร์ จีน และฮ่องกง ลงทุนด้านการค้า ซอฟต์แวร์ ดิจิทัลโทเคน ดาต้าเซ็นเตอร์ และบริการอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันในพื้นที่ EEC มี 197 ราย มูลค่า 74,792 ล้านบาท คิดเป็น 33% ของเงินลงทุนรวม เน้นธุรกิจก่อสร้างระบบก๊าซ LNG และการผลิตชิ้นส่วน มองเป็นบวกกับ WHA AMATA
  • ที่ประชุมสภากทม.มีการตั้งกระทู้ถามถึงความคืบหน้าการชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย 1 และ 2 โดยนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. ชี้แจงว่าหนี้รวมทั้งสิ้นกว่า 32,625 ล้านบาท ครอบคลุมค่าจ้างเดินรถตั้งแต่ มิ.ย.2021-ส.ค.2025 พร้อมดอกเบี้ยถึง พ.ย.2025 โดยมีแผนยื่นข้อบัญญัติใช้เงินสะสมต่อสภาฯ ต.ค. และชำระหนี้ภายใน พ.ย. 2025 มองเป็นบวกเล็กน้อยกับ BTS
  • นายสรเทพ โรจน์พจนารัช เตรียมยื่นข้อเสนอต่อพรรคภูมิใจไทย 25 ก.ย. 2568 เรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือร้านอาหาร SMEs ที่ไม่ได้สิทธิคนละครึ่ง โดยเสนอ 7 มาตรการ เช่น ขยายโครงการคนละครึ่งครอบคลุม SMEs นิติบุคคล, มาตรการภาษี, สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ, กระตุ้นท่องเที่ยว, คุมราคาสินค้าและพลังงาน และปลดล็อกห้ามขายแอลกอฮอล์ช่วง 14.00–17.00 น. มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกเล็กน้อยกับ M ZEN OKJ MAGURO

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • ERW: ราคาพื้นฐาน 3.11 บาท

จากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลใหม่ อีกทั้งผู้ว่าการ ททท. ได้เสนอไอเดียผ่าน social media ให้มีโครงการ ทัวร์ไทยคนละครึ่ง เพื่อดึงดูดคนไทยออกมาเที่ยวภายในประเทศ ประกอบกับเราคาดหวังการฟื้นตัวใน 2H25 ที่เป็น high season เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก อีกทั้ง ททท. เปิดตัวโครงการ “Nihao Month” ช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์และวันชาติจีน (Golden Week) ระหว่าง 1–8 ต.ค. 2025 เพื่อรับมือการชะลอตัวของตลาดนักท่องเที่ยวจีน ที่อาจหนุนให้รายได้มีแนวโน้มที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 4Q25

  • PTTEP: ราคาพื้นฐาน 134.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ PTTEP จากระดับมูลค่าที่น่าสนใจ ปัจจุบันซื้อขายที่ราว -1SD (2026 PBV 0.8x, PE 7.x) และให้ Dividend yield กว่า 7% หรือราว 8.5 บาท/หุ้น โดยยังมีโอกาสรักษาจ่ายปันผลใกล้ระดับปี 2024 ที่ 9.5 บาท/หุ้น จากฐานะการเงินแข็งแกร่ง (IBD/E เพียง 0.24x ใน 2Q25) และกระแสเงินสดอิสระที่มั่นคง ในเชิงกลยุทธ์ เราคาด PTTEP อาจ Outperform ใน 4Q25 จากแนวโน้มราคาน้ำมันที่มักปรับขึ้น 14–20% ภายใน 3–12 เดือนหลังเฟดเริ่มลดดอกเบี้ย อีกทั้ง IEA, OPEC และ EIA ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกปี 2025–2026 ขณะที่สต๊อก middle distillate ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี และฤดูหนาวจะหนุน GRM เพิ่มแรงหนุนต่อราคาน้ำมัน โดย PTTEP มีสัดส่วนยอดขายจากน้ำมันดิบราว 30% ซึ่งจะได้ประโยชน์โดยตรง

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพฤหัสบดี ติดตามยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ (Durable goods orders) เดือน ส.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ -0.3% MoM เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -2.8% MoM ต่อด้วยการรายงานครั้งสุดท้ายของ GDP 2Q25 สหรัฐอเมริกา ตลาดคาดที่ 3.3% ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า ปิดท้ายด้วยจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.34 แสนตำแหน่งเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.31 แสนตำแหน่ง
  • วันศุกร์ ติดตามรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล (US Core PCE Price Index) เดือน ส.ค. ตลาดคาดที่ 2.7% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.6% YoY
- Advertisement -