บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD ชี้ ราคาทองคำมีแนวโน้มทรงตัวในแดนบวก จากสัญญาณการลดดอกเบี้ยของเฟด พร้อมจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ-ถ้อยแถลง เฟด ส่งผลให้ราคาทองคำผันผวน ด้านนักวิเคราะห์ แนะกลยุทธ์แบ่งขายทำกำไรที่ $3,800-$3,820
นางสาว อารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางบวก ถึงแม้ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่การคาดการณ์ว่า เฟดมีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยประคองราคาไว้ และมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป หากไม่มีข่าวลบใหม่เข้ามากดดัน
สำหรับการประชุมเฟด ครั้งล่าสุดที่มีมติปรับลดดอกเบี้ย 0.25% และส่งสัญญาณอาจลดอีกสองครั้งในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นแรงหนุนสำคัญให้ทองคำยังคงน่าสนใจ ถึงแม้ว่าประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ จะกล่าวอย่างระมัดระวังและไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะกลับไปขึ้นดอกเบี้ย แต่ตลาดยังคงเชื่อว่าทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะเข้าสู่ช่วงผ่อนคลาย และนักลงทุนยังให้น้ำหนักสูงว่าการประชุมปลายเดือนตุลาคมนี้ ที่จะมีการลดดอกเบี้ยอีก 0.25%โดยหากเกิดขึ้นจริงจะเป็นปัจจัยหนุนราคาในระยะต่อไป
อีกทั้งยังมีปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ การที่ตลาดจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวเลข GDP และดัชนีเงินเฟ้อ Core PCE ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ เฟด ใช้ประเมินทิศทางดอกเบี้ย ซึ่งหากตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาด จะเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แต่หากออกมาสูงเกินคาด ทำให้อาจจะเกิดการกระตุ้นแรงขายทำกำไรระยะสั้น นอกจากนี้ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ เฟด หลายรายที่จะมีการเปิดเผยต่อสื่อตลอดสัปดาห์ ซึ่งอาจเพิ่มความผันผวนให้กับตลาดทองคำได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ GCAP GOLD แนะนำกลยุทธ์สำหรับผู้ที่ถือครองทองคำอยู่ ควรทยอยแบ่งทำกำไรบางส่วนที่ $3,800-$3,820 (ราคาทองคำไทยประมาณ 57,000-57,300 บาท) เนื่องจากราคาเริ่มเคลื่อนไหวเข้าแนวต้านจิตวิทยา $3,800 ทำให้มีโอกาสเจอแรงเทขายทำกำไรและอาจจะเริ่มเข้าสู่การพักฐานในระยะสั้นได้ ดังนั้น นักลงทุนที่ถือสถานะฝั่งซื้อแนะนำแบ่งขายทำกำไรออกไปบางส่วน ถือบางส่วนเพื่อ Run Profit ต่อ และรอจังหวะเข้าซื้อสะสมใหม่เพิ่มเติมเมื่อราคาปรับตัวลง โดยมีแนวรับน่าสนใจที่ $3,700–$3,680 (ราคาทองคำไทยประมาณ 55,900-55,700 บาท) สำหรับท่านที่พอร์ตว่างรอเข้าใหม่ควรมีไม้เผื่อถัวเฉลี่ย 3–5 ไม้เพื่อป้องกันความเสี่ยง