เก่งหลังเกมส์
SET Index ปรับลง -9.52 จุด -0.74% ปิดที่ 1278.7 จุด มูลค่าซื้อ-ขายเบาบาง 3.62 หมื่นล้านบาท ปรับลงสอดคล้องกับตลาดหุ้นเอเซียส่วนใหญ่ที่ปรับลงในทางเดียวกัน ยกเว้นมาเลเซียและอินโดนีเซียที่บวก โดยหุ้นที่หนุนดัชนีคือ พลังงาน OR กลุ่มประกัน BLA กลุ่มปิโตรเคมี PTTGC ฯลฯ ในทางตรงข้ามกลุ่มที่ปรับลงและกดดัชนีหลักๆคือ กลุ่มชิ้นส่วน DELTA KCE กลุ่มขนส่ง AOT กลุ่มวัสดุก่อสร้าง SCC กลุ่มโรงไฟฟ้า GPSC ฯลฯ
หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ
BLA +2.14%
กลุ่มประกันชีวิตมีจิตวิทยาบวกหนุนจากทิศทาง US & Thai Bond Yields ระยะสั้นที่ปรับขึ้นต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ โดยวันนี้ Thai Bond Yields ปรับขึ้น อายุ 5 ปี +4 bps มาที่ 1.23% และอายุ 10 ปี +6 bps มาที่ 1.43% แนะนำเก็งกำไรกลุ่มนี้ระยะสั้น
OR 5.8%
หุ้นปรับขึ้นมีจิตวิทยาบวกหนุนจาก Foreign Broker ปรับเพิ่มมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นขึ้น และในเชิงพื้นฐาน กระแสธุรกิจ oil ฟื้นตัวตามค่าการตลาดน้ำมันฯ การแทรกแซงของรัฐลดลงตามกองทุนน้ำมันติดลบน้อยลงต่อเนื่อง (คาดเป็นบวกภายใน 1Q26F) ยังแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 17.0 บาท
BCPG +4.35%
หุ้นปรับขึ้นจากปัจจัยพื้นฐานยังดี คาดแนวโน้มกำไรปกติ 3Q25F เพิ่มขึ้น y-y, q-q บนผลของ i) การ COD โรงไฟฟ้าพลังงานลม Monsoon ในลาวขนาด 290 Equity MW ii) การรับรู้ค่า Capacity Payment ใน US ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น y-y ($29/MW-day เป็น $270/MW-day) ในสหรัฐเต็มไตรมาส iii) Peak season ของโรงไฟฟ้าน้ำในลาว โดยเน้นน้ำหนักการเติบโตไปที่ 2H25Fเรายังชอบ BCPG ในฐานะโรงไฟฟ้าซึ่งมีความเสี่ยงต่ำจากนโยบายลดค่าไฟในไทยบน Capacity กว่า 90% เป็น Equity MW จากโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ
RCL -0.92%
ปรับลงรับรายงานตัวเลข ( World Container Index (WCI)ปรับลงต่อเนื่อง 8 สัปดาห์ โดย สัปดาห์ล่าสุด -8%w-w อยู่ที่ 1761 เหรียญต่อ 40 ft
CPAXT +1.78% TNP +5.1%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับขึ้น รัฐบาลเตรียมเดินหน้าโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” คาดว่าจะเริ่มใช้จ่ายได้เร็วที่สุดช่วงปลาย ต.ค. 25 ผสานกับกระแสข่าวรัฐเตรียมเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย บวกต่อหุ้นค้าปลีกดังกล่าวที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากมาตรการ โดยเรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นค้าปลีก เน้น CPALL, CPAXT