บล.พาย
BANKING: การขยายสินเชื่อเดือน ส.ค. อ่อนแอ (NEUTRAL)
TOP PICK: KTB SCB
สินเชื่อสุทธิรวมในเดือน ส.ค. ปรับลดลงราว 0.8% MoM อ่อนแอมากที่สุดในรอบเกือบ 6 ปี ตั้งแต่ ต.ค. 2020 ส่งผลให้สินเชื่อใน 8M25 ปรับลดลง 2.4% YTD สะท้อนความต้องการสินเชื่อที่อ่อนแอ และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อใหม่ หากมองไปใน 4 เดือนสุดท้ายของปี แม้รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ กอปรกับเป็นช่วงการใช้จ่ายใน 4Q เราคาดว่าสินเชื่อรวมในปี 2025 มีแนวโน้มปรับลดลง และจะเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน (2023-25) ที่การขยายตัวของสินเชื่อต่ำกว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในภาพรวม เราคาดว่ากำไรสุทธิรวมจะปรับเพิ่มขึ้นราว 2%/1% ในปี 2025-26 (ไม่รวมกำไรพิเศษจากพอร์ตลงทุนที่ถือหุ้น บมจ. การบินไทย) ชะลอตัวจาก +9% ในปี 2024 แต่ด้วยฐานเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง ธนาคารยังสามารถจ่ายเงินปันผลระดับสูงได้ต่อเนื่อง โดยคาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ยสูงที่ 6.6%/6.7% ในปี 2025-26 ด้านการลงทุน เราคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” เลือก KTB SCB เป็นหุ้นเด่น
สินเชื่อสุทธิรวมเดือน ส.ค. ลดลง 0.8% MoM และลดลง 2.4% YTD ใน 8M25
- ธนาคาร 11 แห่งรายงานสินเชื่อสุทธิรวมในเดือน ส.ค.2025 ลดลงต่อเนื่อง 0.8% MoM จาก -0.7% MoM ในเดือน ก.ค. โดยมีเพียงธนาคาร 4 แห่งที่สินเชื่อขยายตัว ประกอบด้วย BAY (+0.2% MoM), CIMBT (+0.1%), CREDIT (+0.7%), LHFG (+0.6%) แต่ไม่เพียงพอ เพราะธนาคารขนาดใหญ่เกือบทุกแห่งเผชิญสินเชื่อหดตัว BBL (-0.9% MoM), KKP (-0.9%), KTB (-1.5%), SCB (-1.2%) ที่สินเชื่อปรับลดลงมากกว่าค่าเฉลี่ย
- ในรอบ 8M25 สินเชื่อของกลุ่มธนาคารปรับลดลง 2.4% YTD ใน 8M25 กดดันจาก (1) เศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ความต้องการ สินเชื่อลดลง (2) การเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อใหม่ และ (3) การชำระคืนหนี้ โดยมีเพียง CREDIT (+6.6% YTD), LHFG (+4.9%), TISCO (+1%) ที่สินเชื่อขยายตัว YTD ขณะที่สินเชื่อของ CIMBT, KBANK, KKP, KTB, TTB ปรับลดลงมากกว่าค่าเฉลี่ย
- เงินฝากรวมในเดือน ส.ค. ลดลง 0.1% MoM แต่ยังคงขยายตัว 0.3% YTD ใน 8M25 สัดส่วนสินเชื่อสุทธิต่อเงินฝากเฉลี่ยลดลง ที่ 84.8% ในเดือน ส.ค. จาก 85.4% ในเดือน ก.ค. สะท้อนสภาพคล่องส่วนเกินที่มีสูงในระบบธนาคารพาณิชย์ไทย
คาดสินเชื่อใน 3Q25 ลดลง ฉุดให้ผลการดำเนินงานหลักของธนาคารอ่อนแอลง
- เศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้อลดลง และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อใหม่ เราคาดว่าสินเชื่อรวมใน 3Q25 จะปรับลดลง ต่อเนื่องราว 1-2% QoQ จาก -0.2% QoQ ใน 2Q25 ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันผลการดำเนินงานใน 3Q25 นอกจากนี้ แม้คาดว่าสินเชื่อใน 4Q25 มีแนวโน้มจะกลับมาขยายตัวได้ เนื่องจากเป็นปัจจัยฤดูกาลในการใช้จ่ายและการส่งออก รวมทั้งในปีนี้ รัฐบาลใหม่จะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการ “คนละครึ่ง” การลดค่าครองชีพ และการช่วยเหลือเกษตรกร แต่ไทยจะเผชิญกับนโยบายการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ ทำให้คาดว่าสินเชื่อรวมในปี 2025 อาจปรับลดลง หรือแค่ทรงตัวจากปี 2024 ซึ่งทำให้สินเชื่อรวมจะอยู่ในภาวะสินเชื่อขยายตัวต่ำกว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ 3 ปี ติดต่อกัน
- เศรษฐกิจไทยยังจำเป็นต้องอาศัยนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อและลดภาระดอกเบี้ย ดังนั้น คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินมีแนวโน้มจะปรับลดอัตราอดกเบี้ยลงอีก 1-2 ครั้งในการประชุมที่เหลือในเดือน ต.ค. และ ธ.ค. 2025
- หากไม่รวมกำไรพิเศษจากการลงทุนในหลักทรัพย์ บมจ. การบินไทย ของ BBL KTB TTB และ TISCO เราคาดว่ากำไรสุทธิรวมของกลุ่มธนาคารใน 3Q25 มีแนวโน้มจะอ่อนตัวลงทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่คาดกำไรสุทธิรวมในปี 2025 จะปรับเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอตัวราว 2% ในปี 2025 (2024: +9%)
คงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด”
ภายใต้ความท้าทายเศรษฐกิจที่สูงขึ้น ทำให้ความสามารถทำกำไรในปี 2025-26 อ่อนแอลง และราคาหุ้นธนาคารมีความเสี่ยงผันผวน หากรัฐบาลไม่มีมาตรการที่ชัดเจนในการพยุงเศรษฐกิจใน 2H25 และสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน อย่างไรก็ดี เรามองว่าการปรับลดลงจะไม่รุนแรงมาก เพราะกลุ่มธนาคารยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งรองรับ อัตราผลตอบแทนเงินปั่นผลสูงเฉลีย 6.6%/6.7% ในปี 2025-26 และ Valuation ไม่แพง กลุ่มธนาคารซื้อขายที่ 0.7x PBV’25E (-0.5SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี) ดังนั้น เราคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” เลือก KTB SCB เป็นหุ้นเด่น