บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินดัชนี SET สัปดาห์นี้เคลื่อนไหว “Sideway Up” รับแรงหนุนจากการแถลงนโยบายรัฐบาลใหม่ – FETCO เสนอ “Quick – Big Win” เสริมความเชื่อมั่นตลาดทุน มองดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,270–1,320 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นรับอานิสงส์โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ใช้ได้ ต.ค. นี้

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในลักษณะ “Sideway Up” ตลอดสัปดาห์นี้ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความคาดหวังของนักลงทุนต่อการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ต่อรัฐสภา ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 29–30 กันยายนนี้ ซึ่งเป้นตัวชี้วัดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะทยอยประกาศออกมาในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการส่งเสริมภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ส่งผลให้คาดการณ์กรอบดัชนี SET อยู่ที่ 1,270-1,320 จุด

ล่าสุดทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ได้เข้าพบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนตลาดทุนไทยผ่านข้อเสนอเชิงนโยบายภายใต้กรอบ “Quick – Big Win” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ตอกย้ำบทบาทของตลาดทุนในฐานะกลไกหลักในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตามยังคงมีปัจจัยภายนอกที่กดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะสั้น โดยเฉพาะจากฝั่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความเคลื่อนไหวสำคัญหลายประการ อาทิ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าหลายรายการเพิ่มเติม โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ รวมทั้งสินค้าประเภทตู้ครัว ตู้ล้างหน้า และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องจะถูกเก็บภาษีนำเข้า 50% ขณะที่เฟอร์นิเจอร์หุ้มเบาะจะถูกเก็บภาษี 30% รถบรรทุกขนาดใหญ่จะถูกเก็บภาษี 25% ส่วนผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมที่เป็นแบรนด์หรือจดสิทธิบัตรทั้งหมด จะถูกเก็บภาษี 100% ยกเว้นบริษัทที่ตั้งโรงงานผลิตยาขึ้นในสหรัฐฯ

ส่วนตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานลดลง โดยตัวเลขล่าสุดที่สหรัฐฯ เปิดเผยมีผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 14,000 ราย สู่ระดับ 218,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 ก.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 235,000 ราย ขณะที่นักลงทุนยังคาดหวังว่า FED จะปรับลดดอกเบี้ยลดลง หากพิจารณาจาก Fed Watch ของ CME บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 83.4% คาดการณ์ว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนต.ค. ซึ่งลดลงจากระดับ 92% ในวันพุธ

นอกจากนี้ ยังคงต้องเฝ้าระวังปัจจัยในประเทศที่อาจจะส่งผลต่อการลงทุนได้เช่นกัน อาทิ สัปดาห์ที่ 5 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม แถลงดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม, วันที่ 29-30 กันยายน ครม. ยื่นแถลงนโยบายต่อรัฐสภา, วันที่ 30 กันยายน ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย, วันที่ 8 ตุลาคม กำหนดประชุมกนง. ครั้งที่ 5/2568 ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่ยังเฝ้าติดตาม อาทิ วันที่ 29 กันยายน อียู รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกันยายน, สหรัฐฯ รายงานยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนสิงหาคม และดัชนีการผลิตเดือนกันยายน, วันที่ 30 กันยายน. ธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) เปิดเผยรายงาน Summary of Opinions, ญี่ปุ่น รายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนสิงหาคม และยอดค้าปลีกเดือนสิงหาคม, สหรัฐฯ รายงานตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนสิงหาคม ราคาบ้านเดือนกรกฎาคม และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกันยายน, วันที่ 28-29 ตุลาคม ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ครั้งที่ 7/68

นายวัชเรนทร์ จงยรรยง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการประกาศของกระทรวงการคลังถึงความพร้อมในการเดินหน้าหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการคนละครึ่งพลัสที่คาดว่าจะใช้ได้ในเดือนต.ค. นี้ โดยใช้งบประมาณ 25,000 ล้านบาท โดยหุ้นกลุ่มค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีแนวโน้มได้รับประโยชน์โดยตรงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวได้แก่ CPALL BJC CPAXT CBG OSP SAPPE TNP และ MOTHER

- Advertisement -