บล.กสิกรไทย:
TOP สถานะทางการเงินแข็งแกร่งขึ้น ผ่านการแปลงสินทรัพย์เป็นเงิน เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับเพิ่ม TP จากประโยชน์ของการแปลงสินทรัพย์เป็นเงิน กำไร 2H68 ที่แข็งแกร่งขึ้น และมูลค่าหุ้นที่ถูกเป็นอันดับสองในกลุ่ม…
- รายละเอียดของการแปลงสินทรัพย์เป็นเงินของ TOP TOP รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า TOP จะเข้าทำสัญญาปล่อยเช่าสินทรัพย์ระยะยาวและสัญญาเช่ากลับ (leaseback) เป็นระยะเวลา 21 ปี กับบริษัทร่วมทุน (JV) แห่งใหม่ (TOP ถือหุ้น 51% และ PTT Tank ถือหุ้น 49%) สำหรับสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานของ TOP (ได้แก่ ถังเก็บน้ำมันดิบ ทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล หรือ SBM สถานีขนถ่ายน้ำมัน และที่ดิน) มูลค่ารวมของสินทรัพย์ที่ปล่อยเช่าระยะยาวดังกล่าวจะอยู่ที่ 3.74 หมื่นลบ. ขณะที่ TOP จะเช่าสินทรัพย์ดังกล่าวกลับโดยมีสัญญาเช่าอายุ 3 ปี โดยมีค่าเช่า 9.80 พันลบ. (ค่าเช่าเฉลี่ยต่อปี 3.30 พันลบ.) ซึ่งจะต่ออายุโดยอัตโนมัติหากไม่มีการแจ้งยกเลิก รายการนี้ถือเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน ซึ่งต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 ธ.ค.2568 โดยธุรกรรมนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2568
- ผลกระทบต่อ TOP การแปลงสินทรัพย์เป็นเงินมีวัตถุประสงค์เพื่อกระจายแหล่งเงินทุนและเสริมสร้างสถานะการเงินให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ โดยสรุป การแปลงสินทรัพย์เป็นเงินจะสร้างกระแสเงินสดเข้าสุทธิให้กับ TOPจำนวน 1.82 หมื่นลบ. แต่กำไรสุทธิของบริษัทฯ จะลดลง 630 ลบ./ปี โดยไม่มีกำไร/ขาดทุนพิเศษ (ไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์สินทรัพย์) เงินที่ได้รับจากการแปลงสินทรัพย์เป็นเงินจะถูกนำไปใช้ชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้อัตราส่วน net debt/EBITDA ลดลงจาก 10.4 เท่า เหลือ 8.5 เท่า (12LTM)
- มุมมองที่เป็นกลางต่อธุรกรรมนี้ การแปลงสินทรัพย์เป็นเงินนี้บ่งชี้ว่าต้นทุนทางการเงินสุทธิของเงินสดใหม่ 1.82 หมื่นลบ. อยู่ที่เพียง 3.3% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าต้นทุนหนี้ในปัจจุบัน (4-5%) และการระดมทุนผ่านทางเลือกอื่นๆ (7%) เช่น การออกหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน และ REIT แม้ว่าอัตราส่วน net debt/EBITDA จะลดลงอย่างมาก แต่ธุรกรรมดังกล่าวทำให้เกิด downside ต่อประมาณการกำไรของเราราวๆ 8%
- คาดมีแผนปรับโครงสร้างเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากเกณฑ์ net debt/EBITDA ของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือในการรักษาอันดับความน่าเชื่อถือไว้ที่ระดับลงทุนอยู่ที่ประมาณ 6.5 เท่า TOP จึงมีแผนที่จะออกหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ (perpetual bond) และขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักเพิ่มเติม เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานะทางการเงินของบริษัทฯ เช่น ธุรกิจผลิตไฟฟ้าและ CAP
มุมมอง KS
- แนะนำ “ซื้อ” และ TP ที่ 39.50 บาท เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อ TOP เนื่องจากประโยชน์ที่ได้รับจากแผนแปลงสินทรัพย์เป็นเงิน กำไรช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ที่คาดว่าจะแข็งแกร่งขึ้นจาก GRM ที่ปรับดีขึ้น และมูลค่าหุ้นเชิง PBV ที่ต่ำเป็นอันดับสองในบรรดาคู่แข่งในกลุ่มโรงกลั่นปิโตรเคมีของไทย โดยมี PBV ปี 2569 อยู่ที่ 0.45 เท่า (ROE 4.5%) เทียบกับ 0.53 เท่า (ROE 2.5%) ของบริษัทคู่แข่งในประเทศ ทั้งนี้ เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายจาก 36.5 บาท เป็น 39.5 บาท โดยปรับเป้าตัวคูณ PBV ขึ้นจาก 0.46 เท่า (-1.5SD) เป็น 0.50 เท่า (-1.25SD) สอดคล้องกับการปรับเพิ่มตัวคูณมูลค่าหุ้นของเรา (+0.25SD ถึง +0.5SD) ของบริษัทคู่แข่งโรงกลั่นปิโตรเคมีอื่นๆ (PTTGC และ IRPC) ก่อนหน้านี้