SMO จับมือ APM และ FSS ปูพรมโรดโชว์ 11 จังหวัด ประเดิม จ.ชลบุรี มั่นใจพื้นฐานธุรกิจแกร่ง นักลงทุนตอบรับดี

“กลุ่มสมอทอง” ปักหมุดโรดโชว์ 11 จังหวัด ประเดิมที่ชลบุรี ราชบุรี นครปฐม พิษณุโลก นครสวรรค์ นครราชสีมา ขอนแก่น เชียงใหม่ สงขลา(หาดใหญ่) สุราษฎร์ธานี และปิดท้ายที่กรุงเทพฯ เสนอขาย IPO 231.60 ล้านหุ้น โชว์พื้นฐานธุรกิจแกร่ง มั่นใจได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน

ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมที่จะเดินทางไปนำเสนอข้อมูลกับนักลงทุน หรือโรดโชว์ ของ SMO เพื่อเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO  จำนวน 231.60 ล้านหุ้น โดยจะเดินทางไปนำเสนอข้อมูลกับนักลงทุน 11 จังหวัดประกอบไปด้วย จังหวัดชลบุรีในวันที่ 8ต.ค. จังหวัดราชบุรีและนครปฐมในวันที่ 9 ต.ค. จังหวัดพิษณุโลกและนครสวรรค์ในวันที่ 10ต.ค. จังหวัดนครราชสีมาและขอนแก่นในวันที่ 14 ต.ค. จังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 15 ต.ค. อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาในวันที่ 16 ต.ค. จังหวัดสุราษฎร์ธานีในวันที่ 17 ต.ค.และปิดท้ายการนำเสนอข้อมูลกับนักลงทุนที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานครในวันที่ 20 ต.ค. 68

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากบริษัทฯ ได้เตรียมข้อมูลธุรกิจซึ่งมีความแข็งแกร่ง และแผนในการขยายธุรกิจที่มีศักยภาพที่จะสามารถต่อยอดการเติบโตได้ในอนาคต ซึ่งบริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO และบริษัทย่อย ประกอบการธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง และธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพเพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทสามารถจำแนกได้ 2 กลุ่ม คือธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง โดยมีผลิตภัณฑ์หลักคือ น้ำมันปาล์มดิบ หรือ Crude Palm Oil หรือ “CPO” เมล็ดในปาล์มอบแห้ง หรือ Palm Kernel หรือ “PK” นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์พลอยได้จากกระบวนการผลิต เช่น กะลาปาล์ม ทะลายสับ เส้นใย และอื่นๆ และธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ โดยนำผลิตภัณฑ์พลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำมันปาล์มดิบมาหมักในบ่อด้วยจุลินทรีย์ เพื่อให้ได้ “ก๊าซชีวภาพ (Biogas)” สำหรับใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า ทั้งเพื่อใช้ภายในกิจการและจำหน่ายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง ควบคู่กับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ตามวิสัยทัศน์การพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

ทั้งนี้ผลประกอบการของ SMO ในช่วงปี 2565 – 2567 บริษัทมีรายได้รวม 6,870.42ล้านบาท 5,894.14 ล้านบาท และ 6,261.09 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 129.52 ล้านบาท 218.78 ล้านบาท และ 259.62 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 1.89 ร้อยละ 3.71 และร้อยละ 4.14 ตามลำดับ และสำหรับงวด 6 เดือน ปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 4,965.90 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 518.51 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 10.55

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะแกนนำผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ SMO เปิดเผยว่า บริษัท และที่ปรึกษาทางการเงิน รวมถึงกลุ่มสมอทอง มีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งในการเดินทางไปนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนทั่วประเทศ โดย SMO เป็นบริษัทที่มีพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง มีโครงสร้างฐานะการเงินที่มั่นคง มีความพร้อมในการขยายธุรกิจในอนาคต และด้วยความเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบที่มีประสบการณ์อยู่ในอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน มีความโดดเด่น ทำให้มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในการนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในครั้งนี้

นายกิตติพงษ์ พวงมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO เปิดเผยว่า บริษัทมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาอย่างยาวนาน พร้อมด้วยทีมผู้บริหาร และบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถในธุรกิจ ส่งผลให้กลุ่มบริษัทมีพัฒนาการทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง สร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว และแข็งแกร่ง มีกำลังการผลิตรวม 240 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมงเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบอันดับต้น ๆ ของประเทศ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศไทย นับเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม ในขณะที่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 14.38 เมกะวัตต์ภายใต้สัญญารับซื้อไฟฟ้า (PPA) รวม 12.7 เมกะวัตต์ มีส่วนช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ

โดยบริษัทมีกลยุทธ์ที่สำคัญในการสร้างความแตกต่าง และความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมเพื่อสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้งโรงงานในจุดยุทธศาสตร์ใกล้แหล่งวัตถุดิบ 4 แห่งประกอบด้วย 1. โรงงาน อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี 2. โรงงาน อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี   3. โรงงาน จ.สระบุรี 4. โรงงาน AL จ.ชุมพร และการมีช่องทางในการขายสินค้าทั้งในและต่างประเทศช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการขายและลดการพึ่งพิงการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรเจรจาระหว่างประเทศว่าด้วยน้ำมันปาล์มยั่งยืน (Roundtable Sustainability Palm Oil: RSPO)

ในขณะที่วัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อลงทุนเพิ่มในธุรกิจผลิต และจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ โดยมุ่งเน้นการขยายโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มดิบไปในพื้นที่อื่นนอกเหนือจากที่กลุ่มบริษัทมี ซึ่งเป็นธุรกิจที่กลุ่มบริษัทมีความเชี่ยวชาญ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันภายในอุตสาหกรรม และ/หรือ ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องซึ่งอยู่ในห่วงโซ่อุปทานเดียวกัน ซึ่งเป็นการต่อยอดการผลิตภัณฑ์หลักของธุรกิจ และลงทุนในโครงการปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม รวมถึงชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินซึ่งเป็นเงินที่กู้ยืมมาเพื่อเป็นเงินทุนสำหรับการขยายกำลังการผลิตของกลุ่มบริษัท และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ

- Advertisement -