KS Daily View 15.10.2025 >>> สงครามการค้าเริ่มเข้มข้นกดดันตลาดหุ้น หลังสหรัฐพิจารณายุติความสัมพันธ์ทางการค้าบางส่วนกับจีน SET วันนี้กรอบ 1,250-1,270 จุด แนะนำ CENTEL KKP
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวผสมผสาน ดัชนี S&P500 ลดลง 0.16%, Nasdaq Composite ลดลง 0.76%, แต่ Dow Jones เพิ่มขึ้น 0.44% หลังรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของภาคธนาคารของเจพีมอร์แกน และเวลส์ ฟาร์โก อย่างไรก็ตามสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยังคงดำเนินอยู่ ยังคงกดดันตลาดหุ้นสหรัฐ
ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,266.38 จุดลดลง -20.60 จุด (-1.60%) จากการปรับตัวลงของกลุ่มพลังงาน, กลุ่มขนส่ง, และกลุ่มค้าปลีก ในวันนี้ เราคาด SET Index จะแกว่งตัว sideway down เล็กน้อยในกรอบ 1,250-1,270 จุด จากภาพเชิงลบของสงครามการค้าที่ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องหลัง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่าสหรัฐกำลังพิจารณายุติความสัมพันธ์ทางการค้าบางส่วนกับจีน ที่อาจส่งผลให้ demand โลกชะลอตัวลง ในขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงประมาณ 1.5% ในคืนที่ผ่านมาหลัง IEA คาดว่าตลาดน้ำมันโลกในปีหน้าจะเผชิญกับภาวะเกินดุล อาจส่งแรงกดดันไปยังกลุ่มพลังงานทั้งต้นน้ำ และกลางน้ำอย่างกลุ่มโรงกลั่นจากความเสี่ยงของ inventory loss ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนยังคงมุ่งเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะอย่าง CENTEL จากกระทรวงการคลังเสนอแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในการประชุมครม.เศรษฐกิจนัดแรก และ KKP จากผลกระทบของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำกัดประกอบกับ asset quality ที่คาดยังคงอยู่ในระดับดี
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1)ครม. อนุมัติงบกลางปี 2026 จำนวน 455.96 ล้านบาท ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมัติงบ 264.35 ล้านบาท สำหรับการเป็นเจ้าภาพ Amazing Thailand Marathon Bangkok 2025-2027 ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้จากผู้เข้าร่วมและผู้ชมการแข่งขันทั้งชาวไทยและต่างชาติไม่น้อยกว่า 3,297 ล้านบาท
2)ในขณะเดียวกันนายอนุทิน ชาญวีรกูล ตั้งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ เป็นหัวหน้าคณะทำงานยุทธศาสตร์เจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ทั้งนี้เตรียมประชุม ครม.เศรษฐกิจนัดแรกวันที่ 15 ต.ค. เพื่อให้กระทรวงการคลังเสนอแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว มองเป็นบวกกับกลุ่มท่องเที่ยวกับ CENTEL ERW SHR AWC BA AAV
3)IMF ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจโลกปี 2025 เป็น 3.2% จากคาดการณ์เดิม 3.0% ขณะที่ปี 2026 คงที่ 3.1% สำหรับเศรษฐกิจไทย IMF คาดขยายตัว 2.0% ในปีนี้เท่าเดิม แต่ปรับลดปีหน้าเป็น 1.6% จากเดิมที่ 1.7% ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในกลุ่ม ASEAN โดยเวียดนามคาดโต 6.5% ฟิลิปปินส์ 5.4% อินโดนีเซีย 4.9% และมาเลเซีย 4.5% ขณะที่สหรัฐฯ คาดขยายตัว 2.0% จีน 4.8%
4)BOIเผยว่า บริษัท ไมโครชิพ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่จากสหรัฐฯ ได้รับอนุมัติขยายโครงการประกอบและทดสอบชิป (Wafer Testing, IC Packaging and Testing) มูลค่า 2,000 ล้านบาท รองรับการเติบโตตลาดโลก ส่งผลให้บริษัทมีโครงการส่งเสริมการลงทุนรวม 12 โครงการ มูลค่ากว่า 38,000 ล้านบาท มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกกับ WHA และ AMATA
5)ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์กล่าวเมื่อวันอังคารว่าสหรัฐกำลังพิจารณายุติความสัมพันธ์ทางการค้าบางส่วนกับจีน รวมถึงการนำเข้าน้ำมันพืช โดยระบุว่าการที่จีนลดการซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐอย่างมากถือเป็น “การกระทำที่เป็นศัตรูทางเศรษฐกิจ” และเป็นการสร้างความลำบากให้เกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลืองของสหรัฐ ทรัมป์เสริมว่าสหรัฐสามารถผลิตน้ำมันพืชเองได้โดยไม่จำเป็นต้องซื้อจากจีน
6)ด้วยความตึงเครียดทางการค้ายังไม่มีทีท่าจะผ่อนคลายประกอบกับ IEA ระบุว่าตลาดน้ำมันโลกในปีหน้าจะเผชิญกับภาวะเกินดุลสูงสุดถึง 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากผู้ผลิตกลุ่ม OPEC+ และคู่แข่งเพิ่มกำลังผลิต ขณะที่ความต้องการยังคงอ่อนแอหนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงประมาณ 1.5% ในคืนที่ผ่านมา
Daily pick
CENTEL: ราคาพื้นฐาน 42.09 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ CENTEL จากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลใหม่ อีกทั้งผู้ว่าการ ททท. ได้เสนอไอเดียผ่าน social media ให้มีโครงการ ทัวร์ไทยคนละครึ่ง เพื่อดึงดูดคนไทยออกมาเที่ยวภายในประเทศ ประกอบกับเราคาดหวังการฟื้นตัวใน 2H25 ที่เป็น high season เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ในขณะที่ธุรกิจร้านอาหารยังสามารถเติบโตได้จากการขยายสาขาใหม่โดยเฉพาะธุรกิจอาหารที่ร่วมลงทุนเป็น JV อย่างไรก็ตามแม้จะมีผลกระทบจากการเปิดโรงแรมใหม่ สองแห่งที่ Maldives แต่เรามองว่าเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนระยะยาวในการสะสมหุ้น เพื่อรอโรงแรมใหม่สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างสมบูรณ์ในอนาคต
KKP: ราคาพื้นฐาน 63.25 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ KKP จากการคาดการณ์การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องใน 3Q25 จากแนวโน้ม credit cost ที่จะปรับตัวดีขึ้นจาก 2Q25 พร้อมกับการปรับ target credit cost ลดลงเหลือ 1.8-2.0% จากการเก็บหนี้ที่ดีขึ้นรวมถึง หนี้ที่มีปัญหา vintage เก่าในช่วงปี 2021-22 เริ่มทยอยหมดและเราคาดขาดทุนรถยึดจะมีแนวโน้มดีขึ้นตามราคารถมือสองที่ปรับตัวดีขึ้น พร้อมกันนี้เราคาดการณ์ 3Q25 KKP จะสามารถเติบโตได้จาก Non-interest income ได้ดีขึ้น QoQ จากธุรกิจ Brokerage ซึ่งเกิดจาก Avg. daily trading volume ปรับเพิ่มขึ้นกว่าใน 2Q25 ราว 15% และเรามองว่า KKP จะเป็นธนาคารที่ได้รับประโยชน์จากการเข้าสู่อัตราดอกเบี้ยขาลงของประเทศเนื่องจากมี loan ที่เป็น fixed rate ราว 50% และ KKP ยังเป็นอีกธนาคารที่มีแนวโน้มในการทำ capital management อย่าง aggressive อีกด้วยเช่นกันจากการประกาศซื้อหุ้นคืนในช่วงที่ผ่านมาราว 16 ล้านหุ้นเป็นวงเงิน 1000 ล้านบาท
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันอังคาร ติดตาม ถ้อยคำแถลงการณ์ของประธานเฟดอย่าง Jerome Powell ในการอภิปรายเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายการเงินในการประชุมประจำปีของสมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติ (National Association for Business Economics) ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย
วันพุธ ติดตามรายงานอัตราเงินเฟื้อของจีน (China CPI) เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ -0.20% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -0.40% YoY ต่อด้วยดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของโซนยุโรป (EU Industrial Production) เดือน ส.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ -0.2% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +1.8% YoY
วันพฤหัสบดี ติดตามดัชนีราคาผู้ผลิต (US PPI index) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.6% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า และ การรายงานดัชนียอดค้าปลีกของสหรัฐ (US Retail sales) เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.4% MoM ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.6% MoM ปิดท้ายด้วยจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.30 แสนตำแหน่ง
วันศุกร์ ติดตามรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหภาพยุโรปครั้งสุดท้าย (EU CPI) เดือน ก.ย. โดยตลาดคาดการณ์ที่ +2.2% YoY ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้าและตัวเลขเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน (EU Core CPI) ตลาดคาดการณ์ที่ +2.3% YoY ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า ปิดท้ายด้วย การรายงานจำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้าง (US Housing Starts) ของสหรัฐ เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.320 ล้านหลัง เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.307 ล้านหลัง