KS Daily View 16 ต.ค. 2025>>> คาด SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,275-1,300 จุด หลัง SET index ปรับตัวขึ้นมาปิด gap ของวันก่อนหน้าที่ปรับตัวลดลง จากความกังวลสงครามการค้า ในขณะเดียวกันอาจเห็นภาพเชิงบวกต่อเนื่องกับกลุ่ม domestic play แนะนำ  CENTEL STECON

 แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวผสมผสาน ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.40%, Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.66%, แต่ Dow Jones ลดลง 0.04% จากหุ้นของ Morgan Stanley และ Bank of America พุ่งขึ้นหลังจากรายงานผลประกอบการไตรมาสสามที่แข็งแกร่งที่ได้แรงหนุนจากกิจกรรมการควบรวมและซื้อกิจการที่แข็งแกร่ง ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่เพิ่มสูงขึ้น

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,286.69 จุดเพิ่มขึ้น +20.31 จุด (+1.60%) จากการปรับตัวเพิ่มของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มธนาคาร, และกลุ่มพลังงาน ในวันนี้ เราคาด SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,275-1,300 จุด หลัง SET index ปรับตัวขึ้นมาปิด gap ของวันก่อนหน้าที่ปรับตัวลดลง จากความกังวลเรื่องสงครามการค้าสหรัฐกับจีน ในขณะเดียวกันอาจเห็นภาพเชิงบวกต่อเนื่องกับกลุ่ม domestic play โดยเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยวหลังครม.เศรษฐกิจเคาะมาตรการ ค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวมาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 20,000 บาท อีกทั้งมีแผนเร่งเบิกจ่ายงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 4 เดือนนี้ ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนยังคงมุ่งเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะอย่าง CENTEL จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวประกอบกับแนวโน้มของกำไรคาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 3Q25 และ STECON จากแนวโน้มของกำไร 3Q25 คาดโต YoY, QoQ รวมไปถึงครม. เร่งการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2026

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. นายสตีเฟน มิแรน กรรมการเฟด เตือนว่าภาวะชะงักงันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน โดยเฉพาะกรณีจีนจำกัดการส่งออกแร่หายากและการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่เก็บภาษีสินค้าจีน 100% ได้เพิ่มความเสี่ยงใหม่ต่อเศรษฐกิจโลก พร้อมระบุว่า เฟดจำเป็นต้องเร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากนโยบายการเงินในปัจจุบันยังเข้มงวดเกินไป ทำให้เศรษฐกิจเปราะบางต่อแรงกระแทกภายนอก
  • ครม.เศรษฐกิจ เห็นชอบ “แพคเกจกระตุ้นท่องเที่ยว” ผ่านมาตรการภาษีและการเร่งเบิกจ่ายงบภาครัฐ โดยประชาชนสามารถนำค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวมาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 20,000 บาท — เมืองหลักลดหย่อนได้ 1 เท่า เมืองรอง 1.5 เท่า เริ่มใช้ 29 ต.ค.–15 ธ.ค.นี้ อีกทั้งรัฐเปิดให้โรงแรม-ที่พักหักภาษีค่าปรับปรุงได้ 2 เท่า ถึง มี.ค. 69 และลดภาษีสถานบริการจาก 10% เหลือ 5% มองเป็นบวกกับกลุ่มท่องเที่ยว CENTEL ERW SHR AWC BA AAV
  • กระทรวงคมนาคมพร้อมสนับสนุนโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ของรัฐบาล เพื่อช่วยลดค่าครองชีพและกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเปิดให้ประชาชนใช้สิทธิ์กับบริการขนส่งสาธารณะทุกประเภท ทั้งแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก รถเมล์ รถไฟ รถไฟฟ้า เรือโดยสาร และรถสองแถว และเปิดให้ ผู้ขับรถสาธารณะที่มีใบอนุญาตถูกต้องสามารถเข้าร่วมได้ทันที ส่วนผู้ประกอบการขนาดเล็กที่มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีก็เข้าร่วมได้เช่นกัน มองเป็นบวกกับ BEM และ BTS
  • รองประธาน ส.อ.ท. เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนกันยายนอยู่ที่ระดับ 87.8 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 86.4 และสูงสุดในรอบ 7 เดือน สะท้อนความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นหลังการจัดตั้งรัฐบาลรวดเร็ว ช่วยให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเดินหน้าได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะ เอสเอ็มอี ที่เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น หลัง บสย. ขยายการค้ำประกันไปยังสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร ทำให้สภาพคล่องของผู้ประกอบการดีขึ้น มองเป็นบวกต่อทิศทางการบริโภคในประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัวตามภาคการผลิตที่เริ่มฟื้นตัว ที่เป็นบวกกับกลุ่มค้าปลีก
  • ITD ลงนาม 3 สัญญางานก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับโครงการสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณแยกเกียกกาย ช่วงที่ 3 รวมมูลค่ากว่า 366 ล้านบาท ได้แก่ 1) งานไฟฟ้าและท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินกับการไฟฟ้านครหลวง มูลค่า 252.14 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 659 วัน, 2) งานวางท่อประปากับการประปานครหลวง มูลค่า 104.74 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จ 6 ก.ค. 2027 และ 3) งานท่อร้อยสายโทรศัพท์ใต้ดินกับบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) มูลค่า 9.8 ล้านบาท เสร็จภายใน 5 ส.ค. 2027

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • CENTEL: ราคาพื้นฐาน 42.09 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ CENTEL จากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลใหม่ อีกทั้งผู้ว่าการ ททท. ได้เสนอไอเดียผ่าน social media ให้มีโครงการ ทัวร์ไทยคนละครึ่ง เพื่อดึงดูดคนไทยออกมาเที่ยวภายในประเทศ ประกอบกับเราคาดหวังการฟื้นตัวใน 2H25 ที่เป็น high season เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ในขณะที่ธุรกิจร้านอาหารยังสามารถเติบโตได้จากการขยายสาขาใหม่โดยเฉพาะธุรกิจอาหารที่ร่วมลงทุนเป็น JV อย่างไรก็ตามแม้จะมีผลกระทบจากการเปิดโรงแรมใหม่ สองแห่งที่ Maldives แต่เรามองว่าเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนระยะยาวในการสะสมหุ้น เพื่อรอโรงแรมใหม่สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างสมบูรณ์ในอนาคต

  • STECON: ราคาพื้นฐาน 9.86 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ STECON จากแนวโน้มการเติบโตของกำไร 3Q25 ที่ได้แรงหนุนจากการรับรู้รายได้งานโครงการมากขึ้น และมีอัตรากำไรขึ้นต้นที่สูง รวมไปถึงการหยุดการรับรู้ผลขาดทุนสายสีเหลือง และ ไม่มีค่าใช้จ่ายของโครงการบึงหนองบอนในปีที่ผ่านมา ที่อาจส่งผลให้กำไรในไตรมาสนี้เติบโตได้ YoY, QoQ อีกทั้งคาดว่ากำไรจะแตะจุดสูงสุดได้ใน 4Q25 นี้ และคาดการณ์ GPM ที่ 7% มากกว่าที่เราคาดไว้ที่ 5.5% นอกจากนี้ STECON มี backlog ณ ปัจจุบันที่ระดับ 18 พันล้านบาท เทียบกับเป้าหมายทั้งปีที่ระดับ 50 พันล้านบาทโดยคาดการณ์ backlog ที่เหลือน่าจะเติมได้ในช่วง 2H25 นี้จากโครงการรัฐบาลทั้งรถไฟทางคู่ไทยจีน และ M5 ทางด่วน

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพฤหัสบดี ติดตามดัชนีราคาผู้ผลิต (US PPI index) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.6% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า  และ การรายงานดัชนียอดค้าปลีกของสหรัฐ (US Retail sales) เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.4% MoM ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.6% MoM ปิดท้ายด้วยจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.30 แสนตำแหน่ง
  • วันศุกร์ ติดตามรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหภาพยุโรปครั้งสุดท้าย (EU CPI) เดือน ก.ย. โดยตลาดคาดการณ์ที่ +2.2% YoY ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้าและตัวเลขเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน (EU Core CPI) ตลาดคาดการณ์ที่ +2.3% YoY ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า ปิดท้ายด้วย การรายงานจำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้าง (US Housing Starts) ของสหรัฐ เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.320 ล้านหลัง เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.307 ล้านหลัง
- Advertisement -