การปรับลงของหุ้นธนาคารในสหรัฐฯ ยังไม่ใช่ปัจจัยน่ากังวล
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 301 จุด (-0.65%) ถูกกดดันจากธนาคารในสหรัฐฯ หลังรายงานการขาดทุนจากสินเชื่อ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 1.4% หลังมีรายงานว่าทรัมป์และปูตินจะพบกันในเร็วๆ นี้ ทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าสงครามจะสงบลง
Market Outlook
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ ไปให้น้ำหนักกับเรื่องของธนาคารระดับภูมิภาคอย่าง Zions Bancorp ธนาคารระบุว่าอาจต้องตัดสินใจตัดหนี้เสียราว 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาแล้วมูลค่าหนี้ดังกล่าวค่อนข้างเล็กน้อย (ราว 1.6 พันล้านบาท) เทียบกับมูลค่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อยู่ระดับราว 30.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จึงมองไม่ใช่ปัจจัยน่ากังวลอะไรมากนัก ประเมินว่าตลาดปรับลงเพราะวิ่งขึ้นมาเยอะก่อนหน้านี้มากกว่าประกอบกับนักลงทุนเริ่มรอดูผลประกอบการที่จะทยอยรายงานออกมา อย่างวานนี้บริษัทยักษ์ใหญ่จากฝั่งไต้หวัน (TSMC) ได้รายงานผลประกอบการที่ค่อนข้างดีและส่งสัญญาณว่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง จากความต้องการของ AI, Data Center ส่วนการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์อื่นๆ อย่าง Bond Yield พบว่าปรับลง พร้อมกับการอ่อนค่าของ Dollar Index สะท้อนถึงความคาดหวังเชิงผ่อนคลายของนักลงทุน แม้จะยังไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจใดๆ ก็ตาม การปรับลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมองเป็นเพียงระยะสั้น เพราะท้ายที่สุดแล้วหาก Theme Technology ยังเติบโตราคาหุ้นก็จะฟื้นตัวได้
ด้านปัจจัยในประเทศยังไม่มีอะไรใหม่ๆ นักลงทุนรอติดตามผลประกอบการ 3Q25 ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังเคลื่อนไหวจำกัด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง (วานนี้อยู่ที่เพียง 3.3 หมื่นล้านบาท) ประกอบกับการเติบโตเศรษฐกิจไทยที่ค่อนข้างต่ำด้วย ทำให้นักลงทุนต่างชาติยังเป็นลักษณะซื้อสุทธิและสลับขายสุทธิ (วานนี้ขาย 2 พ้นล้านบาท)
วันนี้ประเมิน SET INDEX อาจเผชิญแรงกดดันทั้งจากราคาน้ำมันที่ปรับลง ประกอบกับบรรยากาศภูมิภาคเป็นลบจากการปรับลงของ Nikkei (-1%, DJIA -0.6%) ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นเป็นรายตัวมากกว่า เน้นที่หุ้นได้ประโยชน์จากรัฐบาล อาทิ ค้าปลีก (BJC CPALL CPAXT HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) รวมไปถึงหุ้นที่ปันผลดีอย่างธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) และกำไรค่อนข้างมั่นคง
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 26.00 บาท)
คาดกำไรสุทธิ 3Q25 ที่ 4.3 พันล้านบาท (+1% YoY, +23% QoQ) เติบโต QoQ จากปัจจัยฤดูกาล แต่คาดทรงตัว YoY เนื่องจาก 1) จำนวนผู้ป่วยต่างชาติ -3% YoY ด้วยนักท่องเที่ยวจีนลดลง ประกอบกับผู้ป่วยกัมพูชาที่หายไปราว 70% ทำให้กลุ่ม CLMV อ่อนตัวต่อเนื่องจาก 2Q25 ขณะที่คาดรายได้ถูกชดเชยจากการเติบโตของเมียนมาและตะวันออกกลาง
AWC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 2.60 บาท)
กำไรปกติใน 3Q25 จะเติบโตอยู่ที่ 285 ล้านบาท (-1% YoY, +37% QoQ) หนุนจาก 1) รายได้ต่อห้องพัก (RevPar) มีแนวโน้มลดลงระดับสองหลัก YoY แต่ยังคงเติบโต QoQ จากกลุ่มโรงแรม Luxury และโรงแรมที่สมุยเติบโตแข็งแกร่ง