น่าจะเห็นการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยในวันนี้

Market Update

ตลาดหุ้น DowJones คืนวันศุกร์ปิดบวก 238 จุด (+0.5%) สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนกลับมาผ่อนคลายระยะสันหลังจากกรัมป์ระบุว่าภาษีนำเข้าจากจีนระดับ 100% ไม่สามารถดำเนินระยะยาวได้ ด้านราคานำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.4% หลังจากที่ IEA คาดการณ์ว่าอุปทานจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า

Market Outlook

สหรัฐฯ ยังคงปิดหน่วยงานเช่นเดิมในวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงปรับขึ้น โดยเฉพาะหุ้น Technology NVIDIA +0.78% AAPL +2% Alphabet +0.7% ประกอบกับความกังวลธนาคารขนาดกลางก็คลี่คลายลงบ้าง หลังมีการรายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาด รวมไปถึงทั้งผู้นำสหรัฐฯ และจีนยังคงยืนยันจะพบเจอกัน ช่วยให้ตลาดคลายกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้า ส่วนสินทรัพย์อื่นๆ พบว่า US Bond Yield เริ่มกลับมาฟื้นตัวพร้อมกับ US Dollar แต่อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำปรับลดลงอย่างมีนัยยะส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าราคาทองคำปรับขึ้นมาค่อนข้างเยอะและสวนทางกับ Dollar Index ที่ไม่ได้อ่อนค่าแรงเท่าใดนัก ระยะสั้นอาจเพิ่มความระมัดระวังต่อราคาทองคำสำหรับตลาดหุ้นไทยในวันศุกร์ปรับตัวลงมา 16.8 จุด (-1.3%) แรงกดดันหลักๆ จากหุ้น DELTA ที่กดดันดัชนีมากถึง 5 จุด มองเป็นเพียงแรงกดดันจากการปรับลงของตลาดหุ้นทั่วโลกจากความกังวลธนาคารในสหรัฐฯ แต่ก็ยังประเมินว่าปัญหาธนาคารในสหรัฐฯ ยังค่อนข้างเล็กน้อย และไม่น่าจะเป็นปัญหาระดับใหญ่ถึงวิกฤต ซึ่งในวันศุกร์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มกลับมาฟื้นตัว วันนี้จึงน่าจะเริ่มเห็นตลาดหุ้นไทยกลับมาฟื้นตัวได้บ้าง คืนนี้ยังคงไม่มีปัจจัยสำคัญที่ต้อง ติดตามเพราะสหรัฐฯ ยังปิดหน่วยงานเช่นเดิม

วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1260 – 1285 ตลาดน่าจะมีการฟื้นตัวหลังวันก่อนปรับฐานรับแรงกดดันจากความกังวลธนาคารสหรัฐฯ แต่ผลกระทบเชื่อว่าจำกัดและไม่ถึงกับเป็นวิกฤตใหญ่ประกอบกับตลาดหุ้นไทยมีแรงหนุนจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวันอังคารนี้ที่คาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุนจังหวะปรับฐานของดัชนีมองเป็นโอกาสสะสมหุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากภาครัฐ อาทิ ค้าปลีก (BJC CPALL CPAXT HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT ERW) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) รวมไปถึงหุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยปรับลง อาทิ การเงิน (MTC SAWAD) อสังหาริมทรัพย์ (AP SPALI)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

SCB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 146.00 บาท)

คาดกำไรสุทธิใน 3Q25 ที่ 11.5 พันล้านบาท (+5.1% YoY, -10% QoQ) ปัจจัยหนุนกำไรเพิ่มขึ้น YoY เนื่องจากสำรองหนีฯ และค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลง อย่างไรก็ดี คาดทำไรจะปรับลดลง QoQ กดด้นจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจากสินเชื่อชะลอตัว และ NIM ลดลงอย่างต่อเนื่อง

AWC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 2.60 บาท)

คาดกำไรปกติปี 2025 เติบโต 4% YoY หนุนจากรายได้คาดเติบโตที่ 1.7 หมื่นล้านบาท (+8% YoY) แม้ GPM คาดอ่อนตัวที่ 53% (-1 ppts Yoy) จากต้นทุนคำใช้จ่ายการเปิดโครงการ

- Advertisement -