เก่งหลังเกมส์
SET Index + 6.25จุด +0.49% ปิดตลาด 1290 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่ 3.43 หมื่นล้านบาท ยังไม่มีปัจจัยหนุนหรือกดดันใหม่ๆ Sector ที่ปรับขึ้นนำโดยกลุ่มชิ้นส่วน DELTA CCET และกลุ่มธนาคาร KBANK,SCB, BAY , KTB รับวันนี้หลายธนาคารประกาศงบ 3Q25, กลุ่ม ICT(ADVANC TRUE) ค้าปลีก CPALL จากกระแสมาตรการคนละครึ่งพลัสมีโอกาสขยายเฟส 2 ฯลฯ ในทางตรงข้ามกลุ่มที่ปรับลงและกดดัชนีหลักๆคือ กลุ่มพลังงาน GULF, EGCO, PTTEP กลุ่มอาหารเครื่องดื่ม CBG ฯลฯ
หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ
PTG -1.7%
ราคาหุ้นปรับลงคาดส่วนหนึ่งของความกังวลมาจาก ภาครัฐประกาศปรับลดราคาดีเซล 50 สตางค์/ลิตร มาที่ 30.94 บาท/ลิตร และทำให้ค่าการตลาดดีเซล ตามที่ EPPO รายงานวันที่ 21 ต.ค. 2025 ลดลงมาที่ 1.8 บาท/ลิตร vs. วันที่ 20 ต.ค. 2025 ที่ราว 2.36 บาท/ลิตร ซึ่งลดลงมากกว่าค่าการตลาดน้ำมันเบนซินที่รัฐใช้การลดราคาผ่านการลดเก็บเงินกองทุนน้ำมันฯ คงมุมมองที่ค่าการตลาดน้ำมันอยู่ในช่วงเริ่มของการฟื้นตัว หนุนให้แนวโน้มกำไรของ PTG ฟื้นตัวในระยะยาว คงคำแนะนำ Buy
GULF -1.1% EGCO -2.9% RATCH -0.87%
กลุ่มโรงไฟฟ้ามีจิติวิทยาลบจาก ราคาก๊าซธรรมชาติ NYMEX +12.93%d-d ปิดที่ US$3.397/MMBtu แรงหนุนมาจากการพยากรณ์อากาศที่หนาวเย็นขึ้นในสหรัฐและ demand LNG ที่แข็งแกร่งทําให้ราคาพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากกลุ่มโรงไฟฟ้ามีต้นทุนเป็นก๊าซธรรมชาติ
TFG -5.3% BTG -2.4%
วันนี้เป็นวันแรกของเทศกาลกินเจพ.ศ. 2568 เริ่ม 21 -29 ต.ค. ประเมินจิตวิทยาลบกลุ่มจำหน่ายเนื้อสัตว์ จากทิศทางราคาที่อ่อนตัวลง
CATL80 +2.7%
หุ้นปรับขึ้น หลังประกาศงบ 3Q25 ดีกว่าคาด โดยมีกำไรสุทธิ Rmb18.5bn (+41% YoY) ดีกว่าตลาดคาดเล็กน้อย แม้รายได้จะต่ำกว่าคาดราว -10% แต่ตลาดตอบรับเชิงบวก เนื่องจากมองว่า demand ยังแข็งแรง และการพลาดรายได้เกิดจากการ เลื่อนรับรู้ (deferred revenue) จากยอดส่งมอบที่สูงเกินกำหนดรับรู้ตามมาตรฐานบัญชี หนุนมีโอกาส Consensus ปรับเพิ่มกำไรช่วงถัดไป แนะนำ เก็งกำไร
KBANK +2.6% SCB +2.3% TTB +2.2%
ปรับขึ้นรับวันนี้หลายธนาคารประกาศงบ 3Q25 โดย SCB ปรับเพิ่มขึ้นหลังจาก Earnings Result – 3Q25 กำไรใกล้เราคาด แต่ดีกว่าตลาดคาด ยังคงคำแนะนำทางพื้นฐานคือ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 145.0 บาท KBANK Meeting Slightly Positive Meeting ประเด็น 1. สินเชื่อรวม กลยุทธ์ยังคงเน้นคุณภาพลูกหนี้เป็นหลัก และระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ 2. NIM 3Q25 NIM ลดลง หลักๆมาจากดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลง ทั้งนี้ NIM มีแนวโน้มปรับลงต่อ จากดอกเบี้ยนโยบายปี 2025 มองที่ 1.25% ลงอีก 1 ครั้ง 3. คุณภาพสินทรัพย์ ค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) มีแนวโน้มมากกว่าเป้า แต่ไม่เกิน 170 bps. หลักๆจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ 4. การบริหารเงินทุน คงมอง CET1 มากกว่า 15% และ Regular Dividend payout ไม่ต่ำกว่า 50% รวมถึงยังคงพิจารณาการบริหารเงินกองทุนรูปแบบอื่น