NTF ลุยเข้า mai โชว์ศักยภาพผู้ส่งออกผลไม้พรีเมียม ครึ่งปีแรกโกยรายได้จากการขาย 1,661 ล้านบาท ตั้งเป้าทั้งปี 2,900 ล้านบาท เตรียมขาย IPO จำนวน 60 ล้านหุ้น นำเงินพัฒนาการผลิตสินค้า
บมจ.เอ็นทีเอฟ อินเตอร์กรุ๊ป (ประเทศไทย) เดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร (AGRO) หลังได้รับอนุมัติให้เสนอขายหุ้นจากสำนักงาน ก.ล.ต. เตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 60 ล้านหุ้นเร็วๆนี้ระดมทุนเพื่อพัฒนาสินค้าและขยายการผลิตผลไม้สดเกรดพรีเมียมส่งออก พร้อมโชว์ผลงานครึ่งแรกปี 2568 รายได้จากการขายอยู่ที่ 1,661 ล้านบาท เติบโต 189% YoY และกำไรสุทธิ 165 ล้านบาท เติบโต 282%YoY วางเป้าหมายรายได้จากการขายปีนี้ 2,900 ล้านบาท
นายวิชัย ศิระมานะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นทีเอฟ อินเตอร์กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “NTF” ผู้ส่งออกผลไม้สดเกรดพรีเมียมชั้นนำ เปิดเผยว่า NTF ดำเนินธุรกิจส่งออกผลไม้สดคุณภาพพรีเมียม เช่น ทุเรียน ลำไย มะพร้าว และผลไม้อื่นๆ รวมไปถึง ทุเรียนแช่แข็ง ทุเรียนแกะเนื้อ โดย NTF มีความสามารถบริหารจัดการผลไม้คุณภาพสูงให้ตรงตามความต้องการของตลาดระดับพรีเมียมอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้มีฐานลูกค้าต่างประเทศจำนวนมาก โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีความต้องการบริโภคผลไม้จากประเทศไทยในปริมาณสูงและต่อเนื่อง
สินค้าของ NTF ควบคุมมาตรฐานทุกกระบวนการผลิต ด้วยทีมตรวจสอบคุณภาพ (QC) มืออาชีพลงพื้นที่ ตั้งแต่ต้นทางในสวนผลไม้ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรรับรู้และผลิตสินค้าที่ตรงตามความต้องการของตลาด ก่อนส่งต่อไปยังโรงคัดบรรจุ (ล้งผลไม้) ที่ผ่านมาตรฐานส่งออกผลไม้ไปประเทศจีน โดย NTF มีนโยบายทำสัญญาแบบ Exclusive อย่างน้อย 1 ปี เพื่อรักษาคุณภาพและความต่อเนื่องของสินค้า รวมไปถึงการขนส่งตามวันเวลาที่กำหนดเพื่อคงคุณภาพของสินค้าที่ดีที่สุดจนถึงมือผู้บริโภค
นอกจากนี้ NTF ยังบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างรอบคอบ โดยทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contract) ครอบคลุม 100% ของมูลค่าการส่งออก เพื่อป้องกันความผันผวนของค่าเงิน และรักษาเสถียรภาพของอัตรากำไรเบื้องต้น
จากที่กล่าวมาทั้งหมดสะท้อนให้เห็นได้จากผลการดำเนินงาน NTF ครึ่งปีแรกของปี 2568 มีรายได้จากการขายรวม 1,661 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 189% และมีกำไรสุทธิ 166 ล้านบาท เติบโตถึง 282%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้หลักกว่า 99% มาจากการส่งออกผลไม้ไปยังประเทศจีน และอีก 1% จากตลาดในประเทศ ซึ่งถือเป็นหลักฐานของการขยายตัวเชิงรุกและการบริหารจัดการซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพของ NTF ได้เป็นอย่างดี
สำหรับในปี 2568 NTF ตั้งเป้าหมายจากการขายรวมไว้ที่ประมาณ 2,900 ล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการผลไม้ไทยที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดจีน ที่ยังมีศักยภาพการเติบโตอีกมาก ทั้งในด้านปริมาณการบริโภคและช่องทางการกระจายสินค้า ซึ่ง NTF มีแผนเพิ่มการส่งออกให้มากขึ้น โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในระบบการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการคัดเกรดและบรรจุผลไม้ ลดระยะเวลาในการผลิตลงอย่างน้อย 2 เท่า เพิ่มความแม่นยำในการตรวจสอบคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานสากล
“เรายังคงมุ่งมั่นผลักดันผลไม้ไทยคุณภาพสู่ตลาดโลก พร้อมยกระดับมาตรฐานการส่งออกผลไม้ของไทยให้มีความยั่งยืน โดยNTF จะยังคงพัฒนาเครือข่ายคู่ค้าพันธมิตรและระบบบริหารจัดการ Supply Chain ให้แข็งแกร่ง เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดส่งออกผลไม้พรีเมียมในภูมิภาค” นายวิชัย กล่าว
ส่วนข้อกังวลเรื่องผู้เล่นรายใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่มขึ้น NTF มองว่ายังมีข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ เช่น การต้องมีใบอนุญาตส่งออกและการขึ้นทะเบียนโรงคัดบรรจุกับกรมวิชาการเกษตร รวมถึงมาตรการควบคุมจากทางการจีน ที่เป็นปัจจัยคัดกรองสำคัญ ทำให้ผู้ประกอบการที่มีระบบบริหารจัดการครบวงจรอย่าง NTF ยังมีความได้เปรียบและสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างมั่นคง
ด้านนางรัชดา เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ”KGI” ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) (สำนักงาน ก.ล.ต.) ได้อนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเสนอขายหุ้น IPO ทั้งนี้ NTF มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนที่ชำระแล้ว 70 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวนทั้งสิ้น 140.0 ล้านหุ้นและจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 60 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 30% ของจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท NTF ภายหลังการ IPO ในครั้งนี้ โดยจะนำเงินที่ได้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับรองรับยอดสั่งซื้อจากลูกค้าทั้งรายปัจจุบันและรายใหม่ๆ เนื่องจากความต้องการผลไม้ทุเรียนจากไทยของประเทศจีนยังคงอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ NTF จะนำเงินไปลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพในเครื่องคัดบรรจุทุเรียนสดที่เป็นสินค้าส่งออกหลัก ขณะที่บางส่วนจะนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมกับสถาบันการเงิน
“NTF บริหารจัดการโดยผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในวงการส่งออกผลไม้มากกว่า 10 ปี สามารถสร้างการเติบโตทางด้านรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง สะท้อนศักยภาพการขยายตลาดผลไม้ไทยในจีนที่ยังมีช่องว่างการเติบโตสูง ซึ่งเชื่อว่าจากทิศทางการเติบโตที่แข็งแกร่ง จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่น และได้รับความสนใจจากนักลงทุนได้อย่างดี ทั้งช่วงเวลาที่เสนอขายหลักทรัพย์ และช่วงที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ” นางรัชดา กล่าว









