บล.พาย:
BANKING: ความท้าทายทางเศรษฐกิจสูงขึ้น (NEUTRAL)
TOP PICK: SCB
กำไรสุทธิรวมใน 3Q25 แข็งแก่งกว่าคาด และเป็นระดับสูงสุดของปีที่ 63.2 พันลบ. (+13.1% YoY, +10.5% QoQ) และกำไรรวมใน 9M25 อยู่ที่ 180 พันล้านบาท (+7.6% YoY) ขณะที่ NPL ratio เพิ่มเป็น 3.8% เพราะฐานสินเชื่อที่ลดลงใน 4Q25 ธนาคารต้องเผชิญกับความท้าทายเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากนโยบายภาษีของสหรัฐ นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยมีทิศทางลดลงกระทบความสามารถทำกำไรต่อเนื่อง คาดกำไรใน 4Q25 อ่อนแอ และอาจกดดันต่อเนื่อง ทำให้กำไรในปี 2026 ลดลง นอกจากนี้ Valuation ของกลุ่มธนาคารสูงขึ้น ซื้อขายที่ 0.8x PBV’25E ทำให้ผลตอบแทนการลงทุนจำกัดลง แต่อัตราผลตอบแทนเงินปันผลยังสูงที่ 6.1% ในปี 2025-26 คง น้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” เลือก SCB เป็นหุ้นเด่น
กำไรสุทธิรวมใน 3Q25 แข็งแกร่ง
- กำไรสุทธิรวมที่ 63.2 พันลบ. (+13.1% YoY, +10.5% QoQ) สูงกว่าประมาณการของเราราว 9% เนื่องจากรายได้ที่มีใช่ดอกเบี้ยสูงกว่าคาด ปัจจัยหนุนกำไรเติบโต YoY และ QoQ เนื่องจาก (1) ผลรวมของกำไรจากพอร์ตลงทุน และกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) สูงขึ้น (+116% YoY, +35% QoQ) (2) รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโต โดยเฉพาะจากธุรกิจ Wealth management (3) ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานลดลง และ (4) สำรองหนี้ฯ ลดลง
- การเติบโตแบ่งเป็น (1) BBL KBANK KKP KTB TISCO TTB รายงานกำไรเติบโต YoY และ QoQ ประกอบด้วย (2) SCB กำไรสุทธิเติบโต YoY แต่ลดลง QoQ และ (3) CREDIT กำไรสุทธิปรับลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ สินเชื่ออ่อนแอ QoQ ขณะที่หนี้เสียลดลง
- สินเชื่อรวมลดลงต่อเนื่อง 2.2% QoQ ที่ 11.9 ล้านล้านบาท ส่งผลให้สินเชื่อใน 9M25 ลดลง 3% YTD เนื่องจาก (1) ความต้องการสินเชื่อชะลอตัว (2) ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อใหม่ และ (3) การชำระคืนหนี้ของลูกค้า มีเพียง CREDIT ที่สินเชื่อขยายต้ว QoQ ใน 3Q25
- หนี้เสียรวมลดลง 1.5% QoQ ใน 3Q25 แต่ยังเพิมขึ้น 2.2% YTD ใน 9M25 เป็นระดับควบคุมได้ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นจาก BBL (+20.5% YTD) แม้หนี้เสียใน 3Q25 จะลดลงก็ตาม โดย NPL ratio เฉลี่ยของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น QoQ ที่ 3.8% จากฐานสินเชื่อที่ลดลง โดย NPL ratio ของ KTB CREDIT TISCO ลดลง ส่วน Coverage ratio เฉลี่ยของกลุ่มธนาคารเพิ่มเป็น 189.5% ธนาคารทุกแห่งมี Coverage ratio สูงขึ้นรองรับความไม่แน่นอนในอนาคต คาดกำไรรวมปี 2025 เติบโตดีกว่าคาด แม้มีความท้าทายด้านเศรษฐกิจสูงขึ้น
- แม้สินเชื่อมีแนวโน้มปรับลดลง และส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ธนาคารเพิ่มรายได้ที่มีใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกำไรพอร์ตลงทุนและกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงิน FVTPL กอปรกับบการควบคุมหนี้เสียที่ดีทำให้สำรองหนี้ฯ ลดลง เราคาดว่ากำไรสุทธิรวมในปี 2025 อาจเติบโตได้ดีกว่าคาดที่ 3% อย่างไรก็ดี ความท้าทายในปี 2026 จะสูงขึ้น เพราะเศรษฐกิจจะขยายตัวลดลง ผลกระทบจากการปรับลดดอกเบี้ย และฐานที่สงขึ้นของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ทำให้คาดว่ากำไรในปี 2026 มีโอกาสจะปรับลดลง
- คาดกำไรใน 4Q25 จะปรับลดลง QoQ จาก (1) ปัจจัยฤดูกาลที่ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานสูงขึ้น และ (2) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงเพราะ NIM อ่อนตัวลง แม้สินเชื่ออาจจะฟื้นตัวก็ตาม
คงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” SCB เป็นหุ้นเด่น
คงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” ในระยะสั้น เรามองว่าราคาหุ้นมีโอกาสผันผวนมากขึ้น (1) ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นสะท้อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ทำให้ผลตอบแทนการลงทุนจำกัด (2) ผลการดำเนินงานใน 4Q25 ลดลง (3) ความท้าทายทางเศรษฐกิจสูงขึ้น ทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลงกระทบความสามารถทำกำไร และ (4) ความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้นโยบายด้านเศรษฐกิจในระยะกลาง-ยาว ขาดความชัดเจน หาจังหวะซื้อราคาอ่อนตัว เลือก SCB เป็นหุ้นเด่นจาก (1) ผลตอบแทนเงินปันผลสูง (2) งบดุลแข็งแกร่งและ (3) ความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีทำให้มีโอกาสที่จะลดต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ปรับลดคำแนะนำ KTB เป็น “ถือ” จากผลตอบแทนการลงทุนที่จำกัด







