มูดี้ส์คงอันดับเครดิต “ไทยออยล์” ที่ระดับ Baa3 ชี้งบดุลแกร่ง ลดหนี้ต่อเนื่อง CFP เดินหน้าตามแผน

มูดี้ส์คงอันดับเครดิตไทยออยล์ที่ระดับ Baa3 ชี้งบดุลแข็งแกร่งขึ้น หลังลดหนี้เชิงรุกกว่า 933 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เตรียมรับอีกประมาณ 18,230 ล้านบาท จากการดำเนินโครงการบริหารจัดการสินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดร่วมกับ ปตท.พร้อมเดินหน้าโครงการ CFP คาดช่วยยกระดับประสิทธิภาพและเป็นไปตามแผนด้วยความโปร่งใสทุกขั้นตอน

รายงานข่าวจาก บริษัท ไทยออยล์ จำกัด ( มหาชน) หรือ “TOP” เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568 มูดี้ส์ เรตติ้ง (Moody’s Ratings) ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือผู้ออกตราสารหนี้ไม่ด้อยสิทธิ์ ไม่มีหลักประกันของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ Baa3 โดยมีแนวโน้มเครดิตเชิงลบเหมือนปัจจุบัน

สำหรับการคงอันดับเครดิตของไทยออยล์สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของงบดุล หลังไทยออยล์ลดภาระหนี้อย่างต่อเนื่อง โดยใน 9 เดือนแรกของปี 2568 ไทยออยล์ได้ชำระหนี้รวม 933 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับเตรียมรับเงินราว 18,230 ล้านบาท จากการดำเนินโครงการบริหารจัดการสินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Asset Monetization) ร่วมกับบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินและสภาพคล่องของบริษัทฯ

ส่วนโครงการ Clean Fuel Project (CFP) บริษัทไทยออยล์ ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเสร็จในไตรมาส 3 ปี 2571 ภายใต้งบลงทุน 7.151 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ บริษัทฯได้มีการปรับโครงสร้าง การบริหารจัดการโครงการใหม่เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ โดยแต่งตั้ง บริษัท Foster Wheeler Thailand เป็นผู้บริหารจัดการด้านวิศวกรรม การจัดหาและการก่อสร้าง (EPCM) เพื่อเร่งความคืบหน้าให้เป็นไปตามแผน และเพื่อให้การควบคุมต้นทุนเป็นไปด้วยความโปร่งใสทุกขั้นตอน ทำให้ได้รับการประเมินจากมูดี้ส์ในทิศทางบวก ว่าเป็นปัจจัยสนับสนุนการบริหารโครงการ

นอกจากนี้ มูดี้ส์ยังคาดว่าตัวชี้วัดทางการเงินของไทยออยล์จะปรับตัวดีขึ้นในช่วงสองปีข้างหน้า จากกระแสเงินสดที่มั่นคงและการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ไทยออยล์ยังคงมุ่งมั่นดำเนินโครงการ CFP อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการบริหารทางการเงินอย่างรอบคอบ และได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับฐานะการเงิน และรักษาความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียในระยะยาว ตอกย้ำถึงบทบาทของไทยออยล์ในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจการกลั่นและปิโตรเคมีที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ

ปัจจุบัน ไทยออยล์ มีโครงสร้างธุรกิจที่ครบวงจรด้วยการบูรณาการทั้งธุรกิจการกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมี โดยมีกำลังการกลั่น 275,000 บาร์เรลต่อวัน หรือ ราว 22% ของกำลังการกลั่นรวมของประเทศไทย ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในประเทศ และมีโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัทเชื่อมั่นว่าการดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ด้านพลังงานสะอาดและความยั่งยืนจะช่วยเสริมศักยภาพในการแข่งขันในระยะยาว และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น นักลงทุน และพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งโครงการดังกล่าวถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการยกระดับศักยภาพในการกลั่นและผลิตพลังงานสะอาดของไทยออยล์ให้มีความยืดหยุ่นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

- Advertisement -