เก่งหลังเกมส์
SET Index ลดลง 5.15 จุด (-0.39%) ปิดที่ระดับ 1,310 จุด มูลค่าการซื้อขาย 3.2 หมื่นล้านบาท (หุ้นลง 219 บริษัท, หุ้นปรับขึ้น 222 บริษัท) นักลงทุนระมัดระวังซื้อขายก่อนเข้าวันหยุดสุดสัปดาห์ Sector ปรับลงกดดัชนีวันนี้ คือ กลุ่มอิเล็กฯ (DELTA, KCE) กลุ่ม ปิโตรฯ (IVL), กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC) และ ค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง (GLOBAL, DOHOME) ส่วน Sector ที่ปรับขึ้นพยุงดัชนี คือ กลุ่มท่องเที่ยว (MINT, CENTEL, THAI, AAV), กลุ่ม Bank (KBANK, SCB)
หุ้นที่เคลื่อนไหวเด่น คือ
SCC (-3.77%) วานนี้มี Analyst meeting นักวิเคราะห์ของเราออก paper มองเป็น slightly negative ระยะสั้นยังมีความเสี่ยงจากการแข่งขันสูงของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีจากกำลังการผลิตใหม่ที่เข้ามาเพิ่มใน 4Q25 กดดันให้ SCC เลือกแนวทางที่ optimize ในการผลิตส่งผลให้ปริมาณขายอาจจะต่ำกว่าเป้าเป็น downside ต่อคาดการณ์กำไร 4Q25F
DELTA (-1.36%) มีจิตวิทยาลบกดดันหลังจากตลาดหลักทรัพย์ประกาศขยายเวลาให้หุ้น DELTA ต้องซื้อขายด้วยบัญชี Cash Balance ไปอีก 21 วัน นับตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 20 พ.ย.
MINT (+1.77%), CENTEL (+1.57%), BA (+1.56%), AAV (+1.67%) ปรับขึ้นเด่น บ่ายวันนี้ ธปท. แถลงภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.ย. และเปิดเผยแนวโน้มเศรษฐกิจไตรมาส 4 มองกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวสดใสสะท้อนจากการค้นหาข้อมูล (Google trend) ในการท่องเที่ยวในไทยเร่งขึ้น เช่นเดียวกับ Seat Capacity ซึ่งสะท้อนดีมานด์ของนักท่องเที่ยวในการ Book จองของสายการบินเร่งขึ้นในเดือน พ.ย.และธ.ค.
TU (+3.15%) นักลงทุนดักเก็งกำไรก่อน TU ประกาศงบ 3Q25 ในวันจันทร์นี้ คาดกำไรโตเด่น หลังบริษัทลูกประกาศกำไรออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ทั้ง ITC และ TFM โดย ITC มีกำไรสุทธิ 812 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 16.7%q-q และสูงกว่าที่ Consensus 3% เช่นเดียวกับ TFM ซึ่ง TU ถือหุ้น 51% ประกาศงบ 3Q25 มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 48%y-y และ 15%q-q สูงกว่าที่ Consensus คาดไว้ 8%
WHAUP (+2%) เช้าวันนี้นักวิเคราะห์ของเราออกรายงานคาดกำไรสุทธิ 3Q25 โตเด่น ที่ 410 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39%y-y และ 76%q-q หนุนจากปริมาณการใช้น้ำจากกลุ่ม Data Center พุ่งสูงกว่าปริมาณโควต้าที่กำหนดส่งผลให้ WHAUP มีรายได้จากค่าธรรมเนียมดังกล่าวเร่งขึ้นจาก 47 ล้านบาทใน 3Q224 และ 86 ล้านบาทใน 2Q25 พุ่งขึ้นเป็น 250 ล้านบาทในไตรมาสนี้ คงคำแนะนำ ซื้อ เป้า 5.10 บาท
STECON (+3.14%) เป็น 1 ใน 3 ตัวเต็งที่คาดว่าจะได้ปรับเข้าคำนวณในดัชนี SET100 รอบใหม่โดยจะประกาศรายชื่อในช่วงกลางเดือน ธ.ค. และเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. -30 มิ.ย. 2026






