KS Daily View 03.11.2025 >>> OPEC+ มีแผน“พัก”การเพิ่มการผลิต ในอีก 3 เดือนข้างหน้าส่งผลบวกต่อราคาน้ำมันและกลุ่มพลังงาน คาด SET กรอบ 1,305–1,320 จุด แนะนำ PTTEP TOP

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้: เราประเมินภาพหลักของ SET Index ยังคงเป็นขาขึ้น แต่ในระยะสั้นอาจยังคงมีความผันผวนตามฤดูกาลเนื่องจากเป็นช่วงของการรายงานผลประกอบการ ดังนั้นเราคาดว่า SET Index จะปรับตัวในลักษณะ sideway up คือค่อยๆปรับตัวขึ้น มองกรอบดัชนีสัปดาห์นี้ 1,300-1,330 ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้คือ การรายงานผลประกอบการโดยเฉพาะกลุ่ม ICT (TRUE, THCOM, ADVANC ), กลุ่มโรงไฟฟ้า (BCPG, GPSC) กลุ่มเดินเรือ (PSH, RCL) และกลุ่มพลังงาน (IRPC, TOP, OR) รวมถึงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญเช่น ดัชนี ISM ภาคการผลิต ของสหรัฐฯ และความคืบหน้าเรื่องการเมืองภายในโดยเฉพาะการเจรจากับทางสว. ฝั่งพรรคเดโมแคตเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ กลับมาเปิดทำการ หลังปิดทำการแล้วกว่า 1 เดือนและมีแนวโน้มที่จะเป็นการปิดทำการที่กินระยะเวลายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ จากเดิมปิดทำการมากสุด 34 วันภายใต้การบริหารของ Trump ในรอบแรกช่วงปลายปี 2018

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1309.50 จุด ปรับตัวลดลง -0.34% จากสัปดาห์ที่ผ่านหลังกลุ่มค้าปลีก, กลุ่มการเงิน, และกลุ่มโรงพยาบาลปรับตัวลดลง ในวันนี้เราประเมินว่าตลาดมีแนวโน้มแกว่งตัว sideway up อยู่ในกรอบ 1,305–1,320 จุด จากภาพเชิงบวกในต่างประเทศ หลัง OPEC+ มีแผนที่จะพักการเพิ่มการผลิตในอีก 3 เดือนข้างหน้า ที่ส่งผลบวกต่อราคาน้ำมันและกลุ่มพลังงาน แนะนำ PTTEP และ TOP

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน

  1. OPEC+ ได้ตกลงเมื่อวันอาทิตย์ให้ปรับเพิ่มเป้าหมายการผลิตน้ำมันในเดือนธันวาคมขึ้นเล็กน้อยที่ 137,000 บาร์เรลต่อวัน แต่จะ หยุดการเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มเติม ในช่วงสามเดือนถัดไป ซึ่งการปรับเพิ่มเล็กน้อยนี้สอดคล้องกับความคาดหวังของตลาด ขณะที่การตัดสินใจ “หยุด” การเพิ่มกำลังการผลิตต่อไปนั้น จะช่วย บรรเทาภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังผ่านช่วงฤดูหนาวที่มีความต้องการใช้สูงสุด โดย KS มองว่า ราคาน้ำมันได้ผ่านจุดต่ำสุดในระยะสั้นไปแล้ว และมีแนวโน้มจะตอบรับเชิงบวกต่อการหยุดเพิ่มกำลังการผลิต ขณะเดียวกันประเทศผู้ผลิตหลักของโอเปกอาจจะ ลดส่วนต่างราคาน้ำมัน (crude premium) เพื่อตอบรับกับแนวโน้มความต้องการที่อ่อนตัวลง และคาดผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือกลุ่มโรงกลั่น ซึ่งจะได้ประโยชน์จาก มาร์จิ้นที่ยังอยู่ในระดับสูงและกำไรจากสต็อกน้ำมัน อย่าง TOP, BCP, SPRC และ IRPC รวมไปถึง PTTEP ได้ประโยชน์จากจากราคาขายน้ำมันที่สูงขึ้น
  2. รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในการประชุม ครม.เศรษฐกิจว่า วันที่ 3 พ.ย. จะเสนอ โครงการแก้หนี้เสียประชาชน ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. โดยแนวทางจะใช้เงินคงเหลือจากกองทุนฟื้นฟูฯ ราว 20,000 ล้านบาท ผ่านบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) เพื่อซื้อหนี้เสีย (NPL) จากธนาคารและ Non-Bank มาปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้รายย่อยมองเป็นบวกกับ BAM
  3. การส่งออกของเกาหลีใต้เดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 3.6% YoY ได้แรงหนุนจากความต้องการชิปและเรือที่แข็งแกร่ง โดยการส่งออก เซมิคอนดักเตอร์ พุ่งขึ้นถึง 25.4% YoY เร็วกว่าการเติบโต 22.1% YoY ในเดือนกันยายน สาเหตุจากความต้องการสูงของชิปหน่วยความจำประสิทธิภาพสูง เช่น HBM สำหรับเซิร์ฟเวอร์ และ DDR5 ซึ่งยังผลให้ราคาชิปปรับตัวเพิ่มขึ้น มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกกับ DELTA KCE HANA
  4. SVI เตรียมเสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณา เพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยสมัครใจ โดย นายพงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำ ผู้ถือหุ้นใหญ่จะทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดจำนวน 470.09 ล้านหุ้น (21.83%) ในราคาเบื้องต้น 7.50 บาทต่อหุ้น เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการบริหาร ลดภาระกฎระเบียบและค่าใช้จ่ายของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงเปิดทางให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยขายหุ้นในราคาที่เหมาะสม
  5. ติดตามการหารือโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง–สุวรรณภูมิ–อู่ตะเภา) ที่ลงนามสัญญาตั้งแต่ปี 2019 ยังไม่สามารถเริ่มก่อสร้างได้ เพื่อหาทางออก และมีแนวคิดเสนอให้เอกชนลงทุนส่วนต่อขยายจากอู่ตะเภาไปยัง ระยอง–จันทบุรี–ตราด เพื่อเพิ่มศักยภาพโครงการและจำนวนผู้โดยสาร โดยหากรับข้อเสนอจะต้องเจรจาผลตอบแทนใหม่ให้รัฐได้รับประโยชน์เพิ่มเติม หากเจรจาลุล่วงมองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกกับ BTS และ STECON

Daily pick

PTTEP: ราคาพื้นฐาน 127.00 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ PTTEP จากระดับมูลค่าที่น่าสนใจ ปัจจุบันซื้อขายที่ราว -1SD (2026 PBV 0.8x, PE 7.x) และให้ Dividend yield กว่า 7% หรือราว 8.5 บาท/หุ้น โดยยังมีโอกาสรักษาจ่ายปันผลใกล้ระดับปี 2024 ที่ 9.5 บาท/หุ้น จากฐานะการเงินแข็งแกร่ง (IBD/E เพียง 0.24x ใน 2Q25) และกระแสเงินสดอิสระที่มั่นคง ในเชิงกลยุทธ์ เราคาด PTTEP อาจ Outperform ใน 4Q25 จากแนวโน้มราคาน้ำมันที่มักปรับขึ้น 14–20% ภายใน 3–12 เดือนหลังเฟดเริ่มลดดอกเบี้ย อีกทั้ง IEA, OPEC และ EIA ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกปี 2025–2026 ขณะที่สต๊อก middle distillate ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี และฤดูหนาวจะหนุน GRM เพิ่มแรงหนุนต่อราคาน้ำมัน โดย PTTEP มีสัดส่วนยอดขายจากน้ำมันดิบราว 30% ซึ่งจะได้ประโยชน์โดยตรง

TOP: ราคาพื้นฐาน 39.50 บาท
เรามีมุมองเชิงบวกกับ TOP จากแนวโน้มกำไร 3Q25 คาดที่ 2.1 พันลบ. พลิกจากขาดทุนสุทธิ 4.2 พันลบ. ใน 3Q24 แต่ลดลง 67% QoQ กำไรสุทธิลดลง QoQ เนื่องจากไม่มีรายการกำไรพิเศษจาก CAP จำนวน 7 พันลบ. ขณะที่การปรับตัวดีขึ้น YoY มาจากการรับรู้กำไรพิเศษจากการซื้อคืนพันธบัตร 1.3 พันลบ. และการพลิกมีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 1.4 พันลบ. จากเดิมที่ขาดทุน 7.5 พันลบ. ในขณะเดียวกัน OPEC+ ได้มีมติหยุดการเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มเติม ในช่วงสามเดือนถัดไป ที่จะส่งผลให้มีกำไรจากสต็อกน้ำมันจากราคาน้ำทันที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่ค่าการกลั่นยังคงอยู่ในระดับสูงหลัง US มีการคว่ําบาตร โรงกลั่นใหญ่ใน Russia

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันจันทร์ ติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีน (RatingDog China Manufacturing PMI) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 50.7 จุดชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 51.2 จุด ต่อด้วยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของสหรัฐ (ISM Manufacturing PMI) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 49.5 จุดปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 49.1 จุด

วันอังคาร ติดตามการกล่าวสุนทรพจน์ของประธาน ECB Christine Lagarde ที่จะมีขึ้นในงานประชุมที่จัดโดยธนาคารแห่งชาติบัลแกเรียในโซเฟีย ต่อด้วยตัวเลขตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่ (JOLTS Job openings) เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 7.178 ล้านตำแหน่งชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 7.227 ล้านตำแหน่ง

วันพุธ ติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการของจีน (RatingDog China Service PMI) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 52.7 จุดชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 52.9 จุด ต่อด้วยตัวเลขเงินเฟ้อของไทย (TH inflation) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ -0.75% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.72% YoY และอัตราเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ตลาดคาดการณ์ที่ +0.67% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +0.65% YoY

วันพฤหัสบดี ติดตามดัชนียอดค้าปลีกของฝั่งยุโรป (EU Retail sales) เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.0% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ปิดท้ายด้วยจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.24 แสนตำแหน่ง

วันศุกร์ ติดตามติดตามตัวเลขส่งออกของจีน (China Export) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.5% YoY ชะลอตัวจากเดือนที่ผ่านมาที่ +8.3% YoY และตัวเลขนำเข้าของจีน (China Import) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.5% YoY ชะลอตัวจากเดือนที่ผ่านมาที่ +7.4% YoY ปิดท้ายด้วยการรายงาน ภาคจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm payrolls) และตัวเลขอัตราการว่างงาน (Unemployment rate) ของข้อมูลเดือน ต.ค.

- Advertisement -