บล.พาย:
TU: Thai Union Group PCL
3Q25 ผลประกอบการตามคาด
TU รายงานกำไรสุทธิงวด 3Q25 ที่ระดับ 1,304 ล้านบาท ถ้าไม่รวมรายการพิเศษกำไรปกติจะอยู่ที่ 1,196 ล้านบาท ใกล้เคียงที่เราคาดไว้ โดยสิ่งที่ดีในไตรมาสนี้คือ ถ้าไม่นับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนรายได้จะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งเมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากการฟื้นตัวในกลุ่มอาหารสัตว์ทั้งกุ้งและสัตว์เลี้ยง ส่วนเทียบกับ 2Q25 รายได้ฟื้นตัวทุกกลุ่ม สำหรับแนวโน้มช่วง 4Q25 เบื้องต้นคาดรายได้ทรงตัวจาก 3Q25 แม้จะไม่ใช่ช่วง High Seasons ของการส่งออกแต่จะได้รับผลดีจากการปรับราคาขายเต็มไตรมาส ทั้งนี้เราปรับกำไรปี 25 ขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 4,572 ล้านบาท และปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” โดยใช้ราคาเหมาะสมปี 26 แทนที่ 15.3 บาท (14XPER’26E)
3Q25 กำไรสุทธิ 1,304 ล้านบาท (-7%YoY,+3%QoQ)
- TU มีกำไรสุทธิ 3Q25 ที่ 1,304 ล้านบาท (-7%YoY, +3%QoQ) ถ้าไม่รวมรายการพิเศษที่ส่วนใหญ่เป็นกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 109 ล้านบาท จะมีกำไรปกติที่ 1,196 ล้านบาท (-19%YoY, -2%QoQ)
 - รายได้ที่ 34,501 ล้านบาท ลดลง 1%YoY จากผลกระทบของค่าเงินประมาณ 3% ถ้าไม่รวมผลดังกล่าว รายได้จะเติบโต 2% เติบโตดีในกลุ่มอาหารแช่แข็งที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจอาหารสัตว์ของ TFM และกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงที่กลับมาเติบโตดี ส่วนเทียบกับ 2Q25 จะเพิ่มขึ้น 3%QoQ จากทุกกลุ่มธุรกิจ ยกเว้นกลุ่ม Value-added
 - กำไรขั้นต้นที่ 19% ลดลงจาก 19.5% ใน 3Q24 และ 19.7% ใน 2Q25 ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากอัตราภาษีสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ทาง TU ยังไม่อาจปรับราคาได้ทั้งหมด รวมถึงราคาปลาทูน่าที่ปรับตัว
เพิ่มขึ้น 10%YoY, 3%QoQ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ 4,755 ล้านบาท (+1%YoY, +3%QoQ) เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายในการตลาด ด้านส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ 234 ล้านบาท (-15%YoY, +48%QoQ) - ภาษีจ่ายที่ 164 ล้านบาท (-21%YoY, -22%QoQ) ส่วนหนึ่งเกิดจากอัตราภาษีตามมาตรการ GMT ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้
 - รวม 9M25 TU มีกำไรสุทธิ 3,596 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 81% ของกำไรทั้งปีที่เราคาดไว้ แต่ถ้าดูเฉพาะกำไรปกติจะอยู่ที่ 3,041 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 68% ของกำไรทั้งปี
 
4Q25 โดยรวมไม่เด่นนัก ส่วนความร่วมมือกับ MC ยังมีอยู่
แนวโน้มช่วง 4Q25 เบื้องต้นคาดรายได้จะเห็นการทรงตัวจาก 3Q25 เท่านั้น เนื่องจากธุรกิจของ TFM และ ITC มีโอกาสเห็นรายได้ชะลอตัวลง เพราะไม่ใช่ช่วง High Seasons ของธุรกิจ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มาช่วยหนุนรายได้คือการปรับราคาบางส่วนในสินค้าที่ขายไปสหรัฐฯ ที่จะเริ่มเห็นผลกระทบเต็มไตรมาส ทั้งนี้ TU มีการออกโครงการ Cost reset เพิ่มเติมจากที่ทำโครงการ Project Sonar และ Tailwind โดยโครงการนี้จะเน้นไปที่การปรับลดต้นทุนลง ทั้งในส่วนของต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายดังกล่าวลงให้ได้ 118 ล้านเหรียญฯสหรัฐฯ ภายในปี 27
ความร่วมมือกับกลุ่ม Mitsubishi (MC) ทางผู้บริหารแจ้งว่ายังคงมีอยู่แม้ว่าการตั้งซื้อหุ้นของ MC เพื่อถือให้ครบ 20% จะไม่สำเร็จ
ปรับกำไรปี 25 เล็กน้อยและปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ”
TU แจ้งว่าอัตราภาษีส่วนเพิ่มตามมาตรฐาน GMT จะมีอัตราที่ต่ำลงเหลือ 100 ล้านบาท จากเดิม 100-150 ล้านบาท ทำให้เราปรับกำไรในปี 25 ขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 4,572 ล้านบาท (เดิม 4,442 ล้านบาท) สำหรับคำแนะนำการลงทุน ด้วยการปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานปี 26 ที่ 15.3 บาท (14XPER’26E) ทำให้มีส่วนต่างกับมูลค่าเหมาะสมเป็น 18% เราจึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” โดยมองว่าปี 26 จะเริ่มเห็นผลดีจากโครงการ Sonar และ Tailwind มากขึ้น







