บล.พาย:
TFM: Thai Union Feedmill PCL.
3Q25 กำไรสุทธิทำสถิติใหม่
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิมจากปัจจัยบวกเรื่องผลประกอบการที่ในช่วง 3Q25 ออกมาดีกว่าที่เราคาดไว้ และสูงเป็นสถิติใหม่ที่ระดับ 223 ล้านบาท (+48%YoY, +15%QoQ) ได้รับผลดีจากยอดขายอาหารกุ้งและปลากระพงที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากผลดีของการมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น โดยในอนาคต TFM ยังตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดโดยเฉพาะอาการกุ้งในปัจจุบันจากระดับ 25% ไปถึงระดับ 30% รวมถึงการเร่งขยายสินค้าในกลุ่มปลาน้ำจืดอื่นที่มีมูลค่าตลาดกว่า 7,500 ล้านบาท ซึ่ง TM ยังมีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 6% สำหรับโน้มช่วง 4Q25 คาดเห็นการเติบโตได้จากปีก่อน จากการมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่ม แต่จะชะลอตัวจากฐานที่สูงใน 3Q25 และเกษตรกรที่อินโดนีเซียมีปัญหาเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม จากกำไรที่ออกมาดีช่วง 9M25 เราจึงปรับกำไรปี 25 ขึ้น 12% เป็น 695 ล้านบาท
3Q25 กำไรสุทธิ 223 ล้านบาท (+48%YoY,+15%QoQ)
- TFM มีกำไรสุทธิงวด 3Q25 ที่ 223 ล้านบาท ถ้าไม่รวมรายการพิเศษที่ส่วนใหญ่เป็นการตั้งสำรองการขายหุ้นที่ปากีสถานและอื่นๆ กว่า 24 ล้านบาท จะมีกำไรปกติที่ 247 ล้านบาท (+40YoY, +23%QoQ) ทำสถิติสูงสุดใหม่จากการเพิ่มขึ้นในกลุ่มอาหารกุ้งและดีกว่าที่เราคาดไว้
- รายได้ที่ 1,694 ล้านบาท (+22%YoY, +15%QoQ) เติบโตดีในส่วนของธุรกิจอาหารกุ้งจากการมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 25.4% จาก 24% ในช่วง 1H25 และ 20% ใน 9M24 และการเป็นช่วง High Seasons ของการเลี้ยงกุ้งด้วย ด้านสินค้าอื่นเพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างเช่นอาหารปลาที่เพิ่มขึ้น 16%YoY, 1%QoQ โดยเฉพาะอาหารปลากระพง
- กำไรขั้นต้นที่ 21.8% ดีขึ้นจาก 19.2% ใน 3Q24 เป็นผลจากต้นทุนอาหารที่ลดลง รวมถึงการปรับสูตรการขายอาหารปลาที่เน้นสินค้าที่มีกำไรขั้นต้นสูงมากขึ้น แต่ลดลงเล็กน้อยจาก 22.9% ใน 2Q25 เพราะราคาวัตถุดิบอย่างปลาป่นปรับตัวเพิ่มขึ้น 7%QoQ ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ 121 ล้านบาท (+10%YoY, -2%QoQ)
- อัตราภาษีจ่ายที่ 9.9% เพิ่มขึ้นจากอัตรารายได้ภาษี 4% ใน 3Q24 เนื่องจากสิทธิประโยชน์ BOI หมดลงแต่ลดลงจาก 13.3% ใน 2Q25 หลังโรงงานใหม่เสร็จและเริ่มใช้สิทธิประโยชน์ทาง BOI ในเดือน ส.ค.
ปีหน้าเติบโตต่อ โดยเฉพาะอาหารกุ้งและปลาน้ำจืดอื่น
ภาพรวมการดำเนินธุรกิจหลักยังเหมือนเดิม โดยในประเทศจะยังเน้นการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดอาหารกุ้งและอาหารปลาน้ำจืดอื่นนอกเหนือจากปลากระพง เนื่องจากปัจจุบันส่วนแบ่งการตลาดอาหารปลาน้ำจืดมีเพียง 6% ขณะที่มูลค่าตลาดมีกว่า 7,500 ล้านบาท นอกจากนี้ TFM ยังคงมองหาตลาดส่งออกอาหารเพิ่ม โดยเฉพาะอาหารกุ้ง หลังจาก ล่าสุดสามารถส่งไปขายที่สหรัฐฯ โมรอกโค และตะวันออกกลางได้แล้ว
ปรับกำไรขึ้น 12%
กำไรสุทธิ์ในช่วง 9M25 คิดเป็นสัดส่วนกว่า 88% ของกำไรทั้งปีที่เราคาดไว้ ขณะที่แนวโน้ม 4Q25 เทียบกับปีก่อนคาดว่าจะยังเติบโตขึ้นได้จากการมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่ม แต่จะชะลอตัวจาก 3Q25 เนื่องจากธุรกิจในอินโดนีเซียมีปัญหาด้านการส่งออกไปสหรัฐฯช่วงเดือน ต.ค. และการตั้งสำรองการขายหุ้น AMG-TFM อีกกว่า 30 ล้านบาท โดยเราปรับกำไรทั้งปีขึ้น 12% มาอยู่ที่ระดับ 695 ล้านบาท (+30%YoY) ส่วนปี 26 เบื้องต้นเราปรับกำไรขึ้นเป็น 711 ล้านบาท (+2%YoY) คำแนะนำการลงทุน ด้วยผลประกอบการที่ออกมาดี คงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม โดยประเมินมูลค่าได้ใหม่ปรับไปใช้มูลค่าเหมะสมปี 26 แทนที่ 7.1 บาท (10XPER’26E) ทั้งนี้การจ่ายเงินปันผลช่วง 2H25 อาจจะออกมาสูงกว่าที่เราคาดไว้ได้ เนื่องจากเราอิงกับอัตราการจ่ายเพียง 70% ต่ำกว่าปี 24 ที่จ่ายในระดับ 100% และ 1H25 ที่จ่ายในระดับ 92%







