KS Daily View 07.11.2025 >>> ตลาดกังวลภาวะฟองสบู่ AI อีกครั้ง อาจส่งภาพลบเชิงจิตวิทยาต่อกลุ่ม Electronics กรอบ SET วันนี้ 1,295-1,310 จุด แนะนำ TRUE, CENTEL

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง ดัชนี S&P500 ลดลง 1.12%, Nasdaq Composite ลดลง 1.90%, และ Dow Jones ลดลง 0.84% จากแรงขายหุ้นเทคโนโลยีกลับมาอีกครั้งหลังจากการร่วงลงเมื่อวันอังคาร ด้วยความกังวลเกี่ยวกับราคาหุ้นที่พุ่งสูงเกินไป โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับกระแสปัญญาประดิษฐ์ (AI)

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,313.31 จุดเพิ่มขึ้น +18.02 จุด (+1.39%) จากการปรับตัวขึ้นของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มพลังงาน, และกลุ่มสื่อสาร ในวันนี้ เราคาด SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,295-1,310 จุด จากภาพความผันผวนในต่างประเทศที่ความกังวลเรืองของภาวะฟองสบู่ของปัญญาประดิษฐ์ (AI) กลับมาอีกครั้งที่อาจส่งภาพลบเชิงจิตวิทยาต่อกลุ่ม Electronics ขณะที่ส่วนของภาพในประเทศคาดว่ายังคงเป็นการปรับตัวขึ้นของรายอุตสาหกรรมตามปัจจัยบวกเฉพาะและการรายงานผลประกอบการใน 3Q25 ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนยังคงมุ่งเน้นหุ้นมีผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่งใน 3Q25 อย่างTRUE อีกทั้งมีแนวโน้มที่จะมีการจ่ายปันผลที่เพิ่มขึ้นในอนาคตด้วย สถานะกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และ CENTEL จากแนวโน้มผลประกอบการฟื้นตัวใน 4Q25 ตามฤดูกาลของภาคการท่องเที่ยวและการเริ่มฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. จีนสั่ง ห้ามนำเข้าน้ำเชื่อมและน้ำตาลผสมจากไทยทุกประเภท หลังตรวจโรงงานไทย 10 แห่งไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยอาหารของสำนักงานศุลกากรจีน (GACC) ส่งผลให้ผู้ผลิตไทย 47 บริษัทสูญตลาดส่งออกมูลค่าหลายพันลบ. และอาจต้องปิดกิจการเกือบทั้งหมดก่อนสิ้นปี เนื่องจากจีนเป็นตลาดหลัก ขณะเดียวกัน GACC ยังขยายคำสั่งระงับเพิ่มอีก 4 พิกัดสินค้าและปิดช่องทางการขึ้นทะเบียนรายใหม่ โดยให้เหตุผลว่าโรงงานไทยไม่ผ่านเกณฑ์ด้านสุขอนามัยและการควบคุมภายใน มองเป็นจิตวิทยากการลงทุนเชิงบวกเล็กน้อยกกับ SAPPE และ OSP จากราคาน้ำตาลที่อาจปรับตัวลดลง
  1. สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรเผยผลสำรวจตลาดอสังหาฯ 3Q25 พบอัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อพุ่งสูงถึง 39–40% โดยเฉพาะบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทที่ได้รับผลกระทบหนักจากภาระหนี้สูงและรายได้ไม่มั่นคง และด้านธนาคารยังคงเข้มงวดในการปล่อยกู้ โดยกลุ่มอาชีพอิสระและฟรีแลนซ์ถูกปฏิเสธมากที่สุด ส่วนบ้านราคาสูงกว่า 7 ล้านบาทเริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวในกลุ่มลูกค้าธุรกิจ สมาคมฯ เสนอให้รัฐและธนาคาร ฟื้นมาตรการสินเชื่อบ้านหลังแรก ปรับเกณฑ์สินเชื่อให้ยืดหยุ่น และลดดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมโอนจดจำนอง เพื่อกระตุ้นตลาด
  1. เลขาธิการบีโอไอ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศมีมติเห็นชอบมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้วยเงินทุนสนับสนุน 30–50% ของเงินลงทุนจริง ไม่เกิน 100 ล้านบาท ครอบคลุมการปรับปรุงเทคโนโลยี การวิจัยพัฒนา โดยต้องยื่นขอภายใน ม.ค. 2026 และดำเนินการให้เสร็จใน 12 เดือน
  1. รมว.คลัง เปิดเผยว่า ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ธ.ก.ส. จะจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) แล้วเสร็จ เพื่อแก้ปัญหาหนี้เสียของเกษตรกรรายย่อยราว 100,000 ราย มูลค่ารวม 7,000–8,000 ล้านบาท โดยหนี้กลุ่มนี้มีลักษณะพิเศษที่การชำระขึ้นอยู่กับผลผลิตและสภาพอากาศ จึงต้องใช้วิธีจัดการเฉพาะทาง คาดว่าหลังตั้ง AMC แล้ว จะช่วยลดภาระหนี้และฟื้นฟูศักยภาพทางการเงินของเกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกเล็กน้อยกับกลุ่มการเงิน
  1. CRC เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติการขายสินทรัพย์ธุรกิจห้างรีนาเชนเต มูลค่า 14,700 ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจตามยุทธศาสตร์ “New Heights, Next Growth” มุ่งโฟกัสตลาดไทย เวียดนาม และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เงินที่ได้จะใช้คืนหนี้ราว 5,300 ล้านบาท เพื่อลดภาระทางการเงิน และเตรียมขยายธุรกิจต่อเนื่อง พร้อมจัดสรร 7,700 ล้านบาท เพื่อจ่ายปันผลพิเศษ 1.28 บาทต่อหุ้น

Daily pick

TRUE: ราคาพื้นฐาน 14.12 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TRUE  หลังรายงานกำไรสุทธิ 3Q25 อยู่ 1.6 พันลบ. หากไม่รวมรายการพิเศษ เช่น ค่าใช้จ่ายในการควบรวมกิจการและภาษีรอการตัดบัญชี กำไรปกติอยู่ที่ 4.1 พันลบ. เพิ่มขึ้น 41.9% YoY และ 17.2% QoQ ในขณะเดียวกัน TRUE ประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งแรกหลังการควบรวมกิจการแล้วเสร็จที่ 0.19 บาทต่อหุ้น จากผลการดำเนิน 9 เดือนแรกของปี 2025 คิดเป็น 125% ของกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2025 และ spot DY ที่ 1.7% TRUE แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่านโยบายการจ่ายเงินปันผลจะไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิในแต่ละครึ่งปี

CENTEL: ราคาพื้นฐาน 42.09 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ CENTEL สำหรับการลงทุนระยะยาวแม้คาดว่า CENTEL จะมีกำไรหลักใน 3Q25 ราว 40 ล้านบาท ลดลง 61% QoQ และ 78% YoY จากฤดูกาลท่องเที่ยวที่อ่อนแอ โดยธุรกิจโรงแรมโดยเฉพาะในมัลดีฟส์ยังขาดทุนเพิ่มจากค่าเงินบาทแข็งและต้นทุนของโรงแรมใหม่ ส่วนธุรกิจอาหารยังเติบโตแข็งแกร่ง คาดรายได้เพิ่ม 3% QoQ และ 30% YoY จากการขยายสาขาและการเติบโตของ SSSG 2% YoY เราคาดกำไรจะฟื้นในไตรมาส 4Q25 โดยเติบโตในระดับเลขหลักเดียว ขณะที่ธุรกิจโรงแรมใน มัลดีฟส์ มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น โดยข้อมูลการจองล่วงหน้าบ่งชี้ว่า RevPar จะเติบโตประมาณ 50% YoY ทั้งนี้ การเติบโตของ RevPar ในมัลดีฟส์ส่วนใหญ่มาจากกลยุทธ์ลด ADR เพื่อกระตุ้น OCR ให้สูงขึ้น

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันศุกร์ ติดตามติดตามตัวเลขส่งออกของจีน (China Export) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.5% YoY ชะลอตัวจากเดือนที่ผ่านมาที่ +8.3% YoY และตัวเลขนำเข้าของจีน (China Import)  เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.5% YoY ชะลอตัวจากเดือนที่ผ่านมาที่ +7.4% YoY ปิดท้ายด้วยการรายงาน ภาคจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm payrolls) และตัวเลขอัตราการว่างงาน (Unemployment rate) ของข้อมูลเดือน ต.ค.

- Advertisement -