ATP30 เร่งสปีด ทุบสถิติ งบ 9 เดือนรายได้ 605.77 ล้านบาท กำไรพุ่ง 38%
ATP30 เผยผลประกอบการ 9 เดือนปี 2568 รายได้รวม 605.77 ล้านบาทกำไรสุทธิ 46.27 ล้านบาทโต 38% ชูกลยุทธ์รักษาฐานลูกค้าควบคุมต้นทุนคงความสามารถทำกำไรในเกณฑ์ดี ทิศทางธุรกิจไตรมาส 4/68 บริการเสริมหนุนการเติบโตต่อเนื่อง กระแสรถ EV ดีเกินต้าน ลูกค้าตอบรับเทรนด์ลดคาร์บอนมากขึ้นเตรียมขยาย Smart Charging รองรับการให้บริการเพิ่ม พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้า Global Brand

นายปิยะ เตชากูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) หรือ ATP30 ผู้ให้บริการรถรับส่งพนักงานจากที่พักในเขตชุมชนไปยังโรงงานอุตสาหกรรมและสถานประกอบการ โดยเฉพาะในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) และเขตอุตสาหกรรมในภาคกลาง เปิดเผยว่า ผลประกอบการ 9 เดือน ปี 2568 มีรายได้รวม 605.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 535.98 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.02% และมีกำไรสุทธิ 46.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 33.53 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 38%
ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 มีรายได้รวม 204.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 182.20 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.24% และมีกำไรสุทธิ 15.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12.03 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24.94%
ทั้งนี้ผลประกอบการของ ATP30 เติบโตจากความต้องการใช้บริการรถรับส่งพนักงานที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/68 ซึ่งมีวันทำงานต่อเนื่องและมีวันหยุดน้อย อีกทั้งบริษัทสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิม ควบคุมต้นทุน และบริหารการเดินรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลูกค้าหลายรายเปลี่ยนจากรถสันดาปมาใช้บริการรถ EV ของบริษัทมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์การลดคาร์บอนจากการดำเนินงาน ส่งผลให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 21.22% และอัตรากำไรสุทธิ 7.35%
ขณะที่ทิศทางธุรกิจไตรมาส 4/2568 ยังเติบโตต่อเนื่องบริษัทได้รับการตอบรับที่ดีจากบริการเสริมอื่นๆนอกเหนือจากรถรับส่งพนักงานอาทิบริการรถเช่าระยะสั้น (VVS) ผ่านระบบ “Car Reservation Systems” และบริการซ่อมบำรุง AQS (A Quick Service) ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าทั้งรายเดิมและรายใหม่ให้ความสนใจเพิ่มขึ้นอีกทั้งความพร้อมด้านรถ EV จำนวน 20 คันสามารถรองรับกับความต้องการที่ขยายตัวของตลาดอุตสาหกรรมในพื้นที่ที่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการคาร์บอนตามกรอบ Scope 3
“บริษัทวางแผนรองรับการเติบโตในระยะต่อไปโดยเตรียมเปิดสถานีชาร์จไฟฟ้า Smart Charging เพิ่มเติมที่มาบตาพุดจ.ระยองในปี 2569 เพื่อรองรับการให้บริการรถ EV กับฐานลูกค้าในพื้นที่ดังกล่าวอีกทั้งอยู่ระหว่างการเจรจากับ Global Brand หลายรายที่ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหากการเจรจาสำเร็จจะช่วยผลักดันผลประกอบการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่รวม 66 รายมูลค่าสัญญารวม 1,690 ล้านบาท” นายปิยะกล่าว









