KS Daily View 13 พ.ย. 2025>>> คาด SET Index จะแกว่งตัว sideway down ในกรอบ 1,270-1,285 จุด จากแรงกดดันขอกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะกลุ่มขุดเจาะน้ำมันและกลุ่มโรงกลั่น หลังราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงประมาณ 4% ในคืนที่ผ่านมาแนะนำ TRUE และ BDMS

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวผสมผสาน ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.06%, Nasdaq Composite ลดลง 0.26%, และ Dow Jones เพิ่มขึ้น 0.68% โดยที่ดาวโจนส์ทำสถิติสูงสุดใหม่หลังสภาผู้แทนราษฎรเตรียมที่จะยุติการปิดรัฐบาลที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ขณะที่แนสแด็กปรับตัวลดลงเนื่องจากนักลงทุนย้ายออกจากหุ้นเทคโนโลยีที่มีมูลค่าตึงตัว

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,284.81 จุดลดลง -15.66 จุด (-1.20%) จากการปรับตัวลดลงของกลุ่มค้าปลีก, กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, และกลุ่มพลังงาน ในวันนี้ เราคาด SET Index จะแกว่งตัว sideway down ในกรอบ 1,270-1,285 จุด จากแรงกดดันขอกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะกลุ่มขุดเจาะน้ำมันและกลุ่มโรงกลั่น หลังราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงประมาณ 4% ในคืนที่ผ่านมาหลัง OPEC ได้ปรับประมาณการของตลาดน้ำมันปีหน้าเป็นสมดุลจากเดิมที่คาดว่าจะขาดดุล  ในขณะเดียวกันการชะลอตัวของกลุ่มเทคโนโลยีจากความกังวลของมูลค่าหุ้นที่อยู่ในระดับสูง อาจส่งแรงกดดันเชิง sentiment ต่อเนื่องต่อกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ของไทย ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนยังคงมุ่งเน้นหุ้นมีผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่งใน 3Q25 อย่าง TRUE และ BDMS ที่ผลประกอบการ 3Q25 อกกมาดีกว่าคาดที่ได้แรงหนุนจากผู้ป่วยชาวต่างชาติ โดยเฉพาะ เมียนมา กาตาร์ และสหรัฐฯ

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. ราคาน้ำมันดิบลดลงประมาณ 4% ในคืนที่ผ่านมาหลัง  OPEC คาดการณ์ว่า อุปทานน้ำมันทั่วโลกจะสมดุลกับอุปสงค์ในปี 2026 จากเดิมที่คาดว่าอุปทานจะขาดแคลน หนุนให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลง 2.45 ดอลลาร์ หรือ 3.76% ปิดที่ 62.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากการเพิ่มการผลิตของกลุ่ม OPEC+ มองเป็นลบกับ PTTEP และกลุ่มโรงกลั่นอย่าง TOP SPRC BCP BSRC จากความเสี่ยงของผลขาดทุนสต๊อกน้ำมันดิบใน 4Q25
  • ในขณะเดียวกัน บริษัท Zallaf for Oil and Gas ของลิเบียประกาศเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนว่าได้ส่งออกน้ำมันครั้งแรกจากแหล่งน้ำมัน Chadar ในเขต Sirte Basin ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองอัจดาเบีย โดยส่งออกน้ำมัน Sidra crude กว่า 600,000 บาร์เรล ซึ่งได้เริ่มผลิตในเดือนมกราคมด้วยก๊าซธรรมชาติ 7.5 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันและน้ำมัน 1,500 บาร์เรลต่อวัน มองเป็นลบกับกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันที่ อาจถูกดดันด้วย supply ที่เพิ่มในตลาดมากขึ้น
  • AMATA ลงนาม MOU กับ Day One Data Center ผู้นำศูนย์ข้อมูลจากสิงคโปร์ เพื่อขยายการลงทุนใน Chonburi Tech Park โดยการเพิ่มพื้นที่ 41.3 ไร่ ส่งผลให้มีความต้องการไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 300 เมกะวัตต์และมีแผนขยายการลงทุนใน CTP2 ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ซึ่งคาดว่าจะทำให้มูลค่าการลงทุนรวมสูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และความต้องการไฟฟ้าเกิน 1 กิกะวัตต์ ภายใต้โครงการนี้ Day One มุ่งหวังที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานสะอาดเพื่อรองรับการใช้ AI ในอนาคต
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า สมาคมสายการบินประเทศไทยได้ขอให้รัฐบาลชะลอการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการบินทั้งค่าบริการการเดินอากาศและค่าธรรมเนียมใช้สนามบินสำหรับผู้โดยสารขาออก โดยมีข้อเสนอให้เลื่อนการขึ้นค่าธรรมเนียมสนามบินดอนเมืองออกไปจนถึงปี 2027 และเลื่อนการขึ้นค่าธรรมเนียมสนามบินหลักในภูมิภาค เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต และกระบี่ ไปเริ่มในปี 2028 เพื่อบรรเทาภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบกับ AOT
  • กกท.จะหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อสรุปแนวทางปลดล็อกและขยายเวลาการจำหน่ายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภายใต้พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่กำหนดให้ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างเวลา 14.00-17.00 น. และหลัง 24.00 น. รวมถึงห้ามบริโภคในช่วงเวลาดังกล่าวที่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวหลายรายเกิดความสับสน หากมีการปลดล็อกมองเป็นบวกเล็กน้อยกับ CPALL CPAXT BJC เนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มี margin ในระดับ single digit

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

TRUE: ราคาพื้นฐาน 14.12 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TRUE  หลังรายงานกำไรสุทธิ 3Q25 อยู่ 1.6 พันลบ. หากไม่รวมรายการพิเศษ เช่น ค่าใช้จ่ายในการควบรวมกิจการและภาษีรอการตัดบัญชี กำไรปกติอยู่ที่ 4.1 พันลบ. เพิ่มขึ้น 41.9% YoY และ 17.2% QoQ ในขณะเดียวกัน TRUE ประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งแรกหลังการควบรวมกิจการแล้วเสร็จที่ 0.19 บาทต่อหุ้น จากผลการดำเนิน 9 เดือนแรกของปี 2025 คิดเป็น 125% ของกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2025 และ spot DY ที่ 1.7% TRUE แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่านโยบายการจ่ายเงินปันผลจะไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิในแต่ละครึ่งปี

BDMS: ราคาพื้นฐาน 20.40 บาท

หลังรายงานกำไรจากผลประกอบการหลักที่ 4.3 พันลบ. สูงกว่าประมาณการของเรา 8% และสูงกว่าประมาณการของตลาด 5% หนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งและการประหยัดภาษี (140 ลบ. เทียบกับประมาณการของเรา 70 ลบ.) กำไรปกติเพิ่มขึ้น 24% QoQ และ 2% YoY ประกอบกับรายได้ที่ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยจากผู้ป่วยชาวต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศเมียนมา กาตาร์ และสหรัฐฯ ที่ช่วยชดเชยรายได้จากกัมพูชาที่ลดลง 65% หากไม่รวมกัมพูชา รายได้ต่างชาติจะเติบโต 10%

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันพฤหัสบดี ติดตามดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมฝั่งยุโรป (EU Industrial  production) เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.1% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.1% YoY ต่อด้วยการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ (US CPI) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +3.0% YoY ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้าและตัวเลขเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน (US core CPI) ตลาดคาดที่ +3.0% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า

วันศุกร์ ติดตามดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมของจีน (China Industrial  production) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 5.5% YoY ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 6.5% YoY และ ดัชนียอดค้าปลีกของจีน (China Retail sales) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.8% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.0% YoY ปิดท้ายด้วยตัวเลขคาดการณ์ GDP ของไตรมาสที่สามปี 2025 ครั้งที่สองของโซนยุโรปตลาดคาดที่ +1.3% YoY ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า

- Advertisement -