TMAN ฟอร์มร้อนแรง! Q3/68 กวาดกำไรสุทธิ 112.6 ล้านบาท พุ่ง 8.1% โชว์กลยุทธ์ Diversification พอร์ตธุรกิจจัดจำหน่ายและรับจ้างผลิตเติบโตโดดเด่น ลุยแผนโค้งสุดท้ายปี 2568 เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่ม “Vita-C Series” วิตามินซี รุกขยายฐานกลุ่มแม่และเด็ก 

บมจ.ที.แมน ฟาร์มาซูติคอลหรือ TMAN โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 รายได้รวม 656.1 ล้านบาท เติบโต 23% กำไรสุทธิ 112.6 ล้านบาท เติบโต 8.1% ตอกย้ำความสำเร็จกลยุทธ์ Diversification มุ่งเพิ่มศักยภาพทำกำไรในระยะยาวสู่พอร์ตธุรกิจอื่น ปลื้มธุรกิจจัดจำหน่ายจากแบรนด์ภายนอก (DBU) และรับจ้างผลิตจากแบรนด์ภายนอก (OEM) เติบโตโดดเด่นหนุนรายได้รวม 9 เดือน แตะ 1,780 ล้านบาท เติบโต 8.6% เดินหน้าโค้งสุดท้ายเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมวิตามินซี “Vita-C” ขยายฐานลูกค้ากลุ่มแม่และเด็ก พร้อมลงทุนขยายกำลังการผลิต รองรับการเติบโตตลาดต่างประเทศและธุรกิจการรับจ้างผลิต (OEM) มั่นใจปี 2568 ธุรกิจเติบโต 10-15% ตามเป้าหมาย 

นายประพล ฐานะโชติพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) หรือ TMAN หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิต และจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/68 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการมุ่งเน้นเพิ่มศักยภาพทำกำไรในระยะยาวสู่พอร์ตธุรกิจอื่นๆ ผ่านกลยุทธ์กระจายเสี่ยงของพอร์ตธุรกิจ (Diversification)  ส่งผลให้รายได้รวมจากการขายและการให้บริการ 656.1 ล้านบาท เติบโต 23.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) และทำกำไรสุทธิ 112.6 ล้านบาท เติบโต 8.1% จากปีก่อน (YoY) โดยธุรกิจจัดจำหน่ายจากแบรนด์ภายนอก (DBU) สร้างรายได้เติบโตโดดเด่น หลังจากได้เริ่มกระจายสินค้าให้กับบริษัท เบอร์แทรม (1958) จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เซียงเพียวและเป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์ สู่ช่องทางร้านขายยา ร้านค้าโมเดิร์นเทรดทั่วประเทศ ขณะที่รายได้จากการรับจ้างผลิตจากแบรนด์ภายนอก (OEM) ในสินค้ากลุ่มสุขภาพและความงามจากลูกค้ารายใหญ่เติบโตต่อเนื่อง

นอกจากนี้ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 2568 (มกราคม-กันยายน) ทำรายได้รวมทั้งจากการขายและการให้บริการ 1,780 ล้านบาท เติบโต 8.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) และทำกำไรสุทธิ 341.3 ล้านบาท ซึ่งช่องทางโรงพยาบาลทำรายได้ 273.8 ล้านบาท เติบโต 31.7% จากการที่ผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันสำหรับโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) และการขยายผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันอื่นๆ เข้าสู่ช่องทางจำหน่ายเพิ่มเติม รวมทั้งการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายในทุกช่องทางการจัดจำหน่าย ตอกย้ำความมุ่งมั่นยกระดับการเข้าถึงยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพให้ครอบคลุมและขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน  

ขณะที่กําไรขั้นต้นในงวด 9 เดือนแรกปี 2568 จำนวน 849.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.9 ล้านบาท หรือ 6.4 % จากปีก่อน (YoY) สอดคล้องกับการเติบโตของรายได้จากการขายและการให้บริการ และจากการมุ่งบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านวัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์และกระบวนการผลิต รวมถึงการมุ่งเน้นจำหน่ายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจหลัก หากไม่รวมส่วนการจัดจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ของบุคคลภายนอกรายใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 49.9% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 48.5 % จากปีก่อน (YoY) 

สำหรับทิศทางตลาดเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในไตรมาส 4 ของปี 2568 มีศักยภาพเติบโตจากการเข้าสู่ฤดูหนาวในหลายพื้นที่ของไทย ทำให้มีผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจเพิ่มขึ้น ส่วนแนวโน้มปี 2569 คาดการณ์ว่าตลาดจะมีมูลค่า 254.6 พันล้านบาท เติบโต 6.5% (ที่มา : Krungsri Research, Statista) เนื่องจากตลาดการรักษาโรค โดยเฉพาะกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งจะเติบโตตามจำนวนผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น และการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันส่งผลให้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เวชสำอางและความงามเติบโตตามเทรนด์การใส่ใจสุขภาพของคนทุกวัย ขณะที่การพิจารณาให้ข้าราชการร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล (copayment) สำหรับยาบางรายการ เช่น ยาที่มีราคาสูง โดยเฉพาะยาต้นแบบ หรือยาใช้รักษาโรคร้ายแรงมองว่าเป็นโอกาสที่จะขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นในส่วนของโรงพยาบาล

นายประพล กล่าวว่า บริษัทฯ เดินหน้าตามพันธกิจการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนให้กับทุกคน โดยไตรมาส 4 ปี 2568 จะนำแบรนด์แชมป์เปี้ยนในพอร์ตโฟลิโอ 5 แบรนด์ ได้แก่ โพรโพลิซ (Propoliz Series) ผลิตภัณฑ์ดูแลและช่วยบรรเทาอาการทางช่องปากและลำคอ Vita-C ผลิตภัณฑ์เสริมวิตามินซี ไอยรา (Iyara Series) ผลิตภัณฑ์บรรเทาอาการไอ ระคายคอ Myda-B Series กลุ่มผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อรา รักษาโรคผิวหนังจากเชื้อรา กลากเกลื้อน Polar Spray Series ผลิตภัณฑ์สเปรย์ปรับอากาศและโฟมล้างมือ เปิดตัวสินค้าใหม่ต่อเนื่อง อาทิ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมวิตามินซี Vita-C เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มแม่และเด็ก ส่วนตลาดต่างประเทศวางแผนขยายไปยังประเทศโอมาน อินโดนีเซีย ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ นอกจากนี้ยังได้ขยายไลน์การผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดต่างประเทศและธุรกิจการรับจ้างผลิต (OEM) และมั่นใจว่าด้วยแผนและกลยุทธ์ปี 2568 จะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต 10-15% เทียบกับปีก่อนได้ตามเป้าหมาย 

- Advertisement -