PYLON สุดสตรอง! งบ Q3 กำไรพุ่ง 360.30% นิวไฮรอบ 22 ไตรมาส หนุน 9 เดือน กำไรแตะ 139.13 ลบ. ทะยาน 1,643.48% พร้อม Backlog สูงสุดในรอบหลายปี อยู่ที่ 1,659 ลบ.

“บมจ.ไพลอน (PYLON)” โชว์ฟอร์มแกร่ง ไตรมาส 3/68 ทำกำไร YoY พุ่ง 360.30% แตะ 62.14  ลบ. ทำนิวไฮในรอบ 22 ไตรมาส กวาดรายได้ 379.03 ลบ. โต 30.17% จากการรับรู้รายได้ในโครงการประเภทต่างๆ รวมทั้งสิ้น 18 โครงการ ทั้งโครงการภาคเอกชน-ภาครัฐ รับดีมานด์งานฐานรากฟื้นตัว หนุนผลงาน 9 เดือน กำไรทะยานแตะ 139.13  ลบ. YoY โตอลังการกว่า 1,643.48% ขณะที่แบ็กล็อกทุบสถิติใหม่ในรอบหลายปี อยู่ที่ 1,659 ลบ. ทั้งงานจากภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะงานกำแพงกันดิน ตอกย้ำจังหวะธุรกิจที่กำลังเป็นขาขึ้น

ดร.ชเนศวร์  แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON ผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานราก (เสาเข็มเจาะ) ระดับแนวหน้าของประเทศ เปิดเผยว่า  ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 62.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 360.30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 379.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.17% โดยมีการรับรู้รายได้ในโครงการประเภทต่างๆ รวมทั้งสิ้น 18 โครงการ ประกอบด้วยโครงการภาคเอกชนที่เป็น Mixed-Use, อาคารชุด, โรงพยาบาล, Data Center, อาคารสำนักงาน, โรงแรม รวม 16 โครงการ และโครงการภาครัฐ 2 โครงการ สะท้อนถึงการฟื้นตัวที่ชัดเจนของบริษัท

“กำไรสุทธิในไตรมาส 3/2568 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ไตรมาส ตั้งแต่ต้นปี 2563 สาเหตุหลักมาจากอัตราความสำเร็จในการประมูลงานและอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 2-ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เฉลี่ยอยู่ที่ 25% กลับสู่ระดับใกล้เคียงปี 2562 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดก่อนโควิด  หลังจากผู้ประกอบการรายใหญ่รายหนึ่งยุติกิจการ รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก และเหตุการณ์อาคารสตง. ถล่ม ทำให้เจ้าของโครงการหันมาเลือกผู้รับเหมาที่มีความเชี่ยวชาญ ส่งผลให้การแข่งขันลดลง” ดร.ชเนศวร์  กล่าว

ขณะที่รายได้จากงานกำแพงกันดิน (Diaphragm Wall) ซึ่งมีกำไรขั้นต้นสูงกว่าเสาเข็มเจาะ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยไตรมาส 3/2568 สัดส่วนรายได้ Diaphragm Wall : Bored Pile อยู่ที่ 51: 49

ปัจจุบันงานในมือ (Backlog) ณ วันที่ 13 พ.ย.2568 อยู่ที่ราว 1,659 ล้านบาท ซึ่งรวมงานใหม่ 7 โครงการ ถือว่าสูงสุดในรอบหลายปี และสูงกว่ารายได้ 9 เดือนแรกที่ 1,066 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้ปี 2569 ให้เติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมี D/E เพียง 0.31 เท่า Current Ratio 3.9 เท่า และมีเงินฝาก+กองทุนรวมตลาดเงินพันธบัตรรัฐบาล 457 ล้านบาท เทียบกับหนี้ที่มีดอกเบี้ยเพียง 52.5 ล้านบาท สะท้อนนโยบายการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทปี 2545 

สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวม 139.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,643.48% ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,066.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 62.45% โดยมีการรับรู้รายได้ในโครงการประเภทต่างๆ รวมทั้งสิ้น 24 โครงการ ประกอบด้วยโครงการภาคเอกชนที่เป็น Mixed-Use, อาคารชุด, โรงพยาบาล, Data Center, อาคารสำนักงาน, โรงแรม รวม 22 โครงการ และโครงการภาครัฐ 2 โครงการ 

“ผลประกอบการออกมาเป็นที่น่าประทับใจทั้งรายได้และกำไร โดยมาจากงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมที่ชัดเจน และด้วยปริมาณงานในมือ (Backlog) ที่แข็งแกร่ง ประกอบกับคาดการณ์กำลังการผลิตที่ต้องใช้ บริษัทฯได้ลงทุนในเครื่องจักรเพิ่มเติมในช่วงไตรมาส 3-4 รวมถึงเพิ่มจำนวนทีมงานเพื่อรองรับงานที่มีเข้ามามากขึ้น” ดร.ชเนศวร์ กล่าว

- Advertisement -