SPCG ประกาศไตรมาส 3/68 รายได้โตขึ้น 23% จากไฟฟ้าที่ผลิตได้มากขึ้น และธุรกิจ Solar Roof เตรียมจ่ายปันผล 1.50 บาทต่อหุ้น ตอบแทนผู้ถือหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 .. นี้

บมจ.เอสพีซีจี หรือ SPCG เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 ทำรายได้จากการขายและการให้บริการ
449.5
ล้านบาท และกำไรสุทธิ 72.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% และ 3% ตามลำดับจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เตรียมจ่ายเงินปันผลเพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นอัตรา 1.50 บาทต่อหุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 พฤศจิกายนนี้

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 มีการเติบโตที่ดีจากปริมาณการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์รวม 78.8 ล้านหน่วย ลดลง 5.3 ล้านหน่วยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และความสำเร็จของธุรกิจติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) สำหรับบ้านพักอาศัย สำนักงาน อาคารธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมและอื่นๆ มีผลการดำเนินงานที่ดี ส่งผลให้บริษัทฯ  มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 449.5 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 72.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% และ 3% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงความสำเร็จในการบริหารจัดการแม้ว่าโครงการโซลาร์ฟาร์มทั้ง 36 โครงการ ได้สิ้นสุดระยะเวลาได้รับเงินอุดหนุนส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) แล้ว

ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2568 มีปริมาณการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
รวม 268.3 ล้านหน่วย ส่งผลให้มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 1,372.4 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 305.5 ล้านบาท

ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายปี 2568 คาดว่าจะเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากโครงการโซลาร์ฟาร์มของบริษัทฯ มีแนวโน้มผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังศึกษาโอกาสขยายการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเติบโตในอนาคต

ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลซึ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมในอัตรา1.50 บาทต่อหุ้นรวมเป็นเงิน 1,583,685,000 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 และจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลวันที่ 12 ธันวาคม 2568 โดยการจ่ายเงินปันผลครั้งนี้เพื่อตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น โดยที่บริษัทยังคงรักษาระดับสภาพคล่องทางการเงิน และเงินทุนไว้สำหรับการลงทุนในอนาคตได้อย่างเพียงพอ ซึ่งเป็นการตอกย้ำความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจ และฐานะทางการเงินของบริษัทฯ

- Advertisement -