TEGH โชว์ผลงาน Q3/68 ปริมาณขายยางแท่งโตต่อเนื่อง EUDR หนุนดีมานด์กลับมา มั่นใจรายได้ปี 68 แตะระดับสูงสุดใหม่ 

บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) เปิดงบไตรมาส 3/68 เติบโตตามเป้า รายได้โต 1.2%YoY ผลจากการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตที่ดี มีการกระจายตัวของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก ทำให้ยังคงรักษาการเติบโตของปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นได้ภายใต้สภาวะตลาดที่ท้าทาย  ฟากผู้บริหารสินีนุช โกกนุทาภรณ์มั่นใจรายได้รวมปีนี้แตะ 20,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมส่งยานลูกไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ (TEBP)” เข้าตลาด mai ต้นปี 69 สะท้อนศักยภาพการเติบโตครบทุกมิติ ทั้งยางพารา ปาล์มน้ำมัน และพลังงานทดแทน

นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (TEGH)  เปิดเผยว่า  ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2568 สำหรับงวด 3 เดือน (สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.68) กลุ่มบริษัทฯมีรายได้รวม 4,757.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2%  และมีกำไรสุทธิ 50.6 ล้านบาทแม้ภาพรวมราคายางพาราเริ่มปรับตัว ลดลงตามทิศทางตลาดโลกและการลดลงของส่วนต่างราคาระหว่างยางแท่งและยางก้อนถ้วย

ปัจจัยบวกสำคัญในไตรมาสนี้ มาจากการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตที่ดี มีการกระจายตัวของฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก ส่งผลให้ยอดขายในประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้ง จีน อินเดีย และสหรัฐฯ ขยายตัว ขณะเดียวกันยางแท่งเกรดมาตรฐาน EUDR ก็เริ่มกลับมามีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นนอกจากลูกค้ากลุ่มยุโรป เช่น ลูกค้าเกาหลีใต้และจีน ถือเป็นสัญญาณที่ดีหลังสหภาพยุโรปประกาศยืนยันไม่เลื่อนการบังคับใช้กฎหมาย EUDR แม้ตลาดยุโรปมีการชะลอคำสั่งซื้อในไตรมาส 3/2568 แต่คาดว่า จะทยอยกลับมาในไตรมาส 4/2568

ขณะที่ความต้องการใช้ยางพาราในปัจจุบันยังคงมีแนวโน้มที่ดี โดยประเทศที่มีความต้องการเติบโตชัดเจน ได้แก่ จีน และ อินเดีย และสหรัฐอเมริกา รวมถึงตลาดในประเทศ  ส่วนประเทศญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ ความต้องการยางแท่งเกรดมาตรฐาน EUDR เริ่มมีสัญญาณขยับตัวเพิ่มขึ้น

สำหรับธุรกิจปาล์ม ปริมาณขายน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) สะสม 9 เดือน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน จากการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร ทำให้มีผลประกอบการดีขึ้นใน 2 ไตรมาสหลัง และยังมีโอกาสต่อยอดเพิ่มมูลค่าผ่านการรับรองมาตรฐาน ISCC Plus และ ISCC EU เป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับความต้องการจากตลาดพลังงานทดแทน โดยเฉพาะเชื้อเพลิงการบินอย่างยั่งยืน (SAF) ในอนาคต

ส่วนธุรกิจพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ยังคงรักษามาตรฐาน มีการเติบโตต่อเนื่องในด้านปริมาณการขายและให้บริการ  แม้จะได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลง พร้อมหน้าโครงการขยายกำลังการผลิตเฟสใหม่ตามแผน เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว  

สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯในงวด 9 เดือนปี 2568 มีรายได้รวม 15,825.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.2%  และมีกำไรสุทธิ 438.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.2%  เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 383.6 ล้านบาท 

โดยสัดส่วนรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติอยู่ที่ 85% ธุรกิจจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ 14% และธุรกิจพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ 1%

“แนวโน้มรายได้รวมในปีนี้คาดว่าจะสูงกว่า 20,000 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) ตามแผนงานที่วางไว้ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมียอดขายยางแท่งมาตรฐาน EUDR ที่เติบโตตามเป้าหมาย ธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบยอดขายเพิ่มขึ้น และความสามารถในการทำกำไรเริ่มกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้แล้ว และธุรกิจพลังงานทดแทนฯ ที่สามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่น จากการขยายกำลังการผลิตไปเมื่อปลายปีที่แล้ว” 

นอกจากนี้ TEGH ยังเดินหน้าตามแผน นำบริษัทย่อย คือ บริษัท ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEBP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในต้นปี 2569  เพื่อระดมทุนขยายกำลังการผลิตเฟสใหม่ รองรับความต้องการของลูกค้า เสริมศักยภาพการเติบโตในกลุ่มพลังงานทดแทนอย่างยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ Leading Green Energy Revolution: Pioneering the Net Zero Solution 

- Advertisement -