Technology ในสหรัฐฯถูกขายประเมิน Value Outperform
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 557 จุด (-1.2%) ตลาดถูกกดดันจากหุ้นในกลุ่ม Technology โดยนักลงทุนรอติดตามผลประกอบการ NVIDIA และจ้างงานในสัปดาห์นี้ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.3% หลังมีรายงานว่าท่าเรือของ รัสเซียกลับมาส่งออกน้ำมันอีกครั้ง
Market Outlook
เมื่อวานที่ผ่านมา สภาพัฒน์ได้ประกาศการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยประจำช่วง 3Q25 พบว่าขยายตัว 1.2%YoY, -0.6%QoQ การเร่งตัวหลักมาจากส่งออกที่ขยายตัวได้ 11.5%YoY แต่อย่างไรก็ตาม เครื่องยนต์เศรษฐกิจไทยอื่นๆ เติบโตในอัตราชะลอตัวลง อาทิ การบริโภค +2.6%YoY เท่ากับไตรมาส 2 การลงทุนรวม +1.1%YoY ลดลงจาก 2Q25 ที่ 5.8%YoY ด้านการลงทุนภาครัฐกลับมาหดตัว (-5.3%YoY) จากไตรมาสก่อนหน้าขยายตัว +10%YoY เมื่อมองไปยังข้างหน้า สภาพัฒน์ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในบี 2026 อาจขยายตัวเพียง 1.7%YoY การส่งออกที่ขยายตัวได้ดีในปีนี้ ปี 26 อาจทำได้เพียงทรงตัวเทียบกับปี 25 แรงส่งหลักคาดว่าจะเป็นการบริโภค (+2.1%YoY) การลงทุนภาครัฐ (+2.9%YoY) ดีกับหุ้นในกลุ่มค้าปลีกและธนาคารพาณิชย์ สำหรับสหรัฐฯ เมื่อคืนแรงขาย Technology ค่อนข้างเด่นชัด (AMD -2.5% NVIDIA -1.9% แต่ Alphabet +3.1% ได้แรงหนุนจากปัจจัย Berkshire ประกาศลงทุนไปก่อนหน้า แต่ไม่ได้มีปัจจัยอะไรที่กระทบอย่างมีนัยยะสำคัญ นักลงทุนบางส่วนอาจจะขายเพื่อป้องกันความเสี่ยงก่อนที่ NVIDIA จะรายงานผลประกอบการหลังตลาดปิดในวันพุธหรือพฤหัสบดีเช้าตามเวลาประเทศไทย นอกจากนี้ยังรอติดตามแรงงานสหรัฐฯ ในคืนวันพฤหัสบดีเวลาประเทศไทยเช่นกัน
ภาพรวมตลาดจึงยังไร้ปัจจัยใหม่ๆ ทั้งนี้สำหรับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทย 3Q25 รายได้รวมอยู่ที่ 3.8 ล้านล้านบาท (-7%YoY) ในส่วนของรายได้ที่มาจากหุ้น Domestic Play อยู่ที่ 1.8 ล้านล้านบาท (-1%YoY) ซึ่งสอดคล้องกับเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวต่ำ และกำไรสุทธิหุ้น Domestic Play อยู่ที่ 1.76 แสนล้านบาท (+6%YoY) กำไรขยายตัวเด่นในกลุ่ม ICT , Finance , Electronic โดยค้าปลีกกำไรลดลง (-2%YoY) ทำให้ผลประกอบการที่ประกาศออกมาถือว่าไม่ค่อยโดดเด่นเท่าใดนัก จึงเห็นราคาหุ้นปรับลงภายหลังจากทยอยรายงานผลประกอบการ
วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1270 – 1290 อาจจะเผชิญแรงกดดันจากหุ้น Tech อย่าง DELTA แต่ก็เชื่อว่าจะไม่ได้กดดันมาก เพราะเม็ดเงินอาจไหลไปยังกลุ่ม Value Stock อย่างพวก ICT, Bank, Health อย่างเมื่อคืน Sector ที่ Outperform ใน US ได้แก่ สื่อสาร , Health , Real Estate ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นเน้น Value Stock อย่างธนาคาร (SCB KTB) โรงพยาบาล (BDMS) การเงิน (MTC) ค้าปลีก (CPALL) ศูนย์การค้า (CPN) ท่องเที่ยว (MINT CENTEL)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
SCB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 146.00 บาท)
กำไรสุทธิออกมาที่ 12.1 พันล้านบาท (+10% YoY, -6% QoQ) ดึกว่าคาดราว 5% เนื่องจากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงิน FVTPL สูงกว่าคาด
CPN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 80.00 บาท)
ปัจจัยบวกจากผลประกอบการงวด 3Q25 ที่กำไรปกติรายไตรมาสทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง หลังจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัว ขณะที่ธุรกิจคำเช่าได้รับผลดีจากการเปิดศูนย์เซ็นทรัล พาร์ค ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นได้แม้เป็นฤดูฝน สำหรับแนวโน้มช่วง 4Q24 คาดรายได้เห็นการเติบโตได้ต่อหลังจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีโครงการเตรียมโอนกว่า 2,000 ล้านบาท








