หุ้นสหรัฐฯ กลับปรับลงจากแรงงานสหรัฐฯแข็งแกร่ง
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 386 จุด (-0.8%) เนื่องจากการปรับลงของหุ้น Technology หลังดอกเบี้ยสหรัฐฯ มีทิศทางไม่แน่นอน ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.2% หลังมีรายงานว่ารัฐบาลของสหรัฐฯ ผลักดันให้ยูเครนยอมรับข้อตกลงกับรัสเซีย
Market Outlook
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ ประกาศการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ระดับ 1.19 แสนราย มากกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 5.3 หมื่นราย แต่อย่างไรก็ตามอัตราการว่างงานขยับขึ้นเป็น 4.4% มากกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.3% สะท้อนถึงภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังค่อนข้างประคับประครองไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม US Bond Yield กลับปรับลงมองประเด็นข้างต้นอาจสะท้อนถึงภาวะไม่มั่นใจของนักลงทุนแต่ Dollar Index ปรับขึ้นแข็งค่าพร้อมกับราคาทองคำแกว่งไม่มีทิศทาง แม้ผลประกอบการหุ้นอย่าง NVIDIA จะรายงานออกมาขยายตัวแข็งแกร่ง และมากกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ก็ตาม ข้อมูลจาก CME FED Watch ให้น้ำหนักราว 61% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯอาจคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. และเหลือน้ำหนักเพียง 39% ในการลดดอกเบี้ย มองปัจจัยข้างต้นอาจสร้างแรงกดดันต่อทิศทางการลงทุนโดยเฉพาะกลุ่ม Technology ในไทยอย่าง DELTA แต่กับหุ้นสหรัฐฯยังมองเป็นเพียงแรง Take Profit ปกติมากกว่า เพราะปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่ง พร้อมกับงบลงทุนจำพวกธุรกิจ Cloud , Data Center ยังเห็นการเติบโต
สำหรับปัจจัยในประเทศ ยังไร้ปัจจัยใหม่ๆ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดบวกเพียง 0.76% ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเพียง 3.3 หมื่นล้านบาท แต่หุ้นที่ Outperform วานนี้ได้แก่ AOT +5.6% คาดว่าอาจมาจากความหวังว่าการท่องเที่ยวไทยจะดีขึ้น หลังจากที่จีนขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวจีนในการเดินทางไปญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวจีนบางส่วนจึงอาจย้ายมาท่องเที่ยวประเทศไทย นอกจากนี้มองดีกับหุ้นในกลุ่มค้าปลีกและศูนย์การค้า
วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1260 – 1285 ตลาดเสียงปรับฐานจากการที่หุ้นทั่วโลกปรับลง (Dow Jones -0.8% Nikkei -2%) หลักๆ เชื่อว่าเกิดจากทิศทางดอกเบี้ยที่ไม่ชัดเจน ทั้งนี้ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน DELTA อาจสร้างจิตวิทยาเชิงลบกับตลาดหุ้นแต่การปรับฐานจะเปิดโอกาสสะสมหุ้นที่ปันผลเด่นอย่าง SCB ค้าปลีกที่กำไรยังขยายตัวได้ดีอย่าง CPALL และหุ้นตัวอื่นๆที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ CPN MTC TIDLOR นิคมอุตสาหกรรม (AMATA WHA)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
SCB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 146.00 บาท)
กำไรสุทธิออกมาที่ 12.1 ฟันส้านบาท (+10% YoY, -6% QoQ) ตีกว่าคาดราว 5% เนื่องจากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงิน FVTPL สูงกว่าคาด
BA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 21.10 บาท)
ปัจจัยบวกจากผลประกอบการงวด 3Q25 ที่ออกมาดีมากมีกำไรสุทธิสูงถึง 1,041 ล้านบาท (+ 55%YoY, +159%QoQ) จากการเป็นช่วง High Seasons ของเส้นทางเกาะสมุย ขณะที่กลุ่ม ลูกค้าต่างประเทศของ BA ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวจากยุโรป ที่ในปี 25 นียังเห็นการเติบโตได้ แม้ภาพรวมนักท่องเที่ยวที่เข้ามาไทยจะปรับตัวลดลง








