KS Daily View 21 พ.ย. 2025>>>คาด SET Index จะแกว่งตัว sideway down ในกรอบ 1,260 -1,280 จุด จากภาพเชิงลบในต่างประเทศหลังนักลงทุนเทน้ำหนักเพิ่มขึ้น คาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยหลังรายงานประชุม FOMC เดือนตุลาคม แนะนำ BDMS และ CENTEL

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง ดัชนี S&P500 ลดลง 1.56%, Nasdaq Composite ลดลง 2.16%, และ Dow Jones ลดลง 0.84% จากความผันผวนของภาคการจ้างงานเดือน ก.ย. แม้ว่าตัวเลข non-farm payroll ออกมาดีกว่าที่คาด แต่ตัวเลข unemployment rate มีการปรับตัวขึ้นจากเดินที่ตลาดคาดว่าจะทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,281.81 จุดเพิ่มขึ้น +9.64 จุด (+0.76%) จากการปรับตัวขึ้นของกลุ่มขนส่ง, กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, และกลุ่มธนาคาร ในวันนี้ เราคาด SET Index จะแกว่งตัว sideway down ในกรอบ 1,260 -1,280 จุด จากภาพเชิงลบในต่างประเทศหลังนักลงทุนเทน้ำหนักเพิ่มขึ้น คาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยหลังรายงานประชุม FOMC เดือนตุลาคมเผยให้เห็นความเห็นที่แตกต่างกันภายในคณะกรรมการเกี่ยวกับการลดดอกเบี้ย ที่อาจส่งแรงกันไปยังหุ้นกลุ่ม  Growth และกลุ่ม tech ที่ส่ง sentiment เชิงลบต่อเนื่องไปยังกลุ่ม Electronics ของไทย ขณะเดียวกันอาจยังเห็นไปปัจจัยบวกเล็กน้อยหลัง DELTA ได้หลุดมาตรการกำกับการซื้อขาย Cash Balance ของตลาด ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนยังคงมุ่งเน้นหุ้นมีผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องไปยัง 4Q25 อย่าง BDMS และ CENTEL

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  • นักลงทุนเทน้ำหนักกว่า 70% คาดว่าเฟดจะ “คงดอกเบี้ย” ในการประชุมเดือนธันวาคม หลังรายงานประชุม FOMC เดือนตุลาคมเผยให้เห็นความเห็นที่แตกต่างกันภายในคณะกรรมการเกี่ยวกับการลดดอกเบี้ย โดย FedWatch Tool ชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนัก 72.2% ต่อการคงดอกเบี้ยที่ 3.75–4.00% เพิ่มขึ้นจากราว 50% เมื่อสัปดาห์ก่อน ส่วนโอกาสลดดอกเบี้ย 0.25% ลดลงเหลือ 27.8% จากเดิมกว่า 50% ทั้งนี้กรรมการบางส่วนต้องการลดดอกเบี้ย แต่หลายคนกังวลว่าอาจทำให้เงินเฟ้อไม่ลงตามเป้าหมาย 2%
  • รมว.คลัง ระบุว่า แผนการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นส่วนหนึ่งของแผนการคลังระยะปานกลางที่มุ่งปฏิรูปภาษีเพื่อเพิ่มรายได้รัฐ โดยคาดว่าจะเริ่มทยอยปรับขึ้นได้ตั้งแต่ปี 2028 เป็นต้นไป แต่จะทำก็ต่อเมื่อเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวและเติบโตเต็มศักยภาพ ย้ำชัดว่าปี 2026–2027 จะ ไม่มีการขึ้น VAT แน่นอน โดยเราคาดว่าการปรับขึ้น VAT 1% จะทำให้การบริโภคภาคเอกชน, การเติบโตของ GDP และ market EPS ลดลง 0.8%, 0.5% และ 5.0% ตามลำดับ
  • BOI เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 27–29 พ.ย. 2025 นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.คลัง จะนำคณะเดินทางเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ พร้อมจัดงานสัมมนาใหญ่ “Thailand-Japan Investment Forum 2025” ร่วมกับธนาคาร SMBC ที่กรุงโตเกียว ซึ่งมีนักลงทุนญี่ปุ่นลงทะเบียนเข้าร่วมกว่า 400 ราย เป้าหมายเพื่อชี้แจงทิศทางนโยบายเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาล มาตรการส่งเสริมการลงทุน มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกกับ WHA และ AMATA
  • ประธานาธิบดียูเครนเซเลนสกี ระบุหลังพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพสหรัฐว่า ยูเครนพร้อมทำงานร่วมกับวอชิงตันบนร่างแผนยุติสงคราม ซึ่งสหรัฐจัดทำและเตรียมหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในเร็ว ๆ นี้ ยอมรับว่าทีมยูเครน-สหรัฐจะร่วมปรับรายละเอียดของแผน ขณะที่ทำเนียบขาวยืนยันว่าแผนนี้ควรเป็นผลประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย และมีการหารือกับรัสเซียอย่างไม่เปิดเผยด้วย มองว่าหากมีการยุติสงครามอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ว่งผลเชิงลบกับ PTTEP และกลุ่มโรงกลั่น
  • WHA รายงานความคืบหน้าข้อพิพาทในเวียดนาม โดยบริษัทย่อย WHAUP (SG) 2DR เคยชนะคำชี้ขาดจากศูนย์อนุญาโตตุลาการเวียดนาม (VIAC) ที่สั่งให้ Aqua One และ Mr. Do Tat Thang ซื้อหุ้น SDWTP คืนตามราคา Put Price อย่างไรก็ตามมีการยื่นคำร้องต่อศาลโฮจิมินห์เพื่อให้บังคับตามสัญญาซื้อขายหุ้น แต่ศาลโฮจิมินห์มีคำพิพากษายกคำร้องเมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2025 ล่าสุดบริษัทได้อุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ของศาลประชาชนสูงสุดเวียดนาม เพื่อรักษาสิทธิภายใต้สัญญาดังกล่าว

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

BDMS: ราคาพื้นฐาน 20.40 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ BDMS จากกำไรใน 3Q25 ที่ดีกว่าคาดราว 8% จาก GPM ที่แข็งแกร่งและมี Tax saving ที่สูงกว่าคาด โดยเรามองใน 4Q25 มีโอกาสที่รายได้จะลดลง QoQ น้อยกว่าคาดและยังคงรักษาการเติบโต YoY จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนเคสไข้หวัดใหญ่ ประกอบกับการควบคุมต้นทุนที่ดีจะช่วยรักษาการเติบโตของกำไรไว้ได้ โดยใน 4Q25 บริษัทให้เป้าหมายการเติบโตทั้งปี 2025 ที่ 4%yoy และ EBITDA margin ที่ระดับ มากกว่า 24% เทียบกับเป้าเดิมที่ 3-5% และ 24-25% ตามลำดับ ตัวเลขสะท้อนว่ารายได้ใน 4Q68 น่าจะโตได้ 5% YoY

CENTEL: ราคาพื้นฐาน 42.09 บาท

เรามีมุมองเชิงบวกกับ CENTEL หลังรายงานกำไรจากผลประกอบการหลักใน 3Q25 ที่ 191 ลบ. เพิ่มขึ้น 84% QoQ และ 4% YoY ดีกว่าที่ KS คาดไว้ที่ 30 ลบ. และดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ 47% ด้วยปัจจัยหนุนหลักจากผลขาดทุนที่น้อยกว่าคาดจากธุรกิจโรงแรม แรงขับเคลื่อนการเติบโตของกำไรในเชิง QoQ มาจากผลขาดทุนที่ลดลงจากธุรกิจโรงแรม ขณะที่ปัจจัยหนุนการเติบโตเชิง YoY มาจากกำไรปกติที่สูงขึ้นจากธุรกิจอาหาร ในขณะเดียวกันความตึงเครียดทางการทูตที่ปะทุจากถ้อยแถลงของนายกฯ ญี่ปุ่นเกี่ยวกับสถานการณ์ไต้หวัน ส่งผลให้สายการบินจีนหลายแห่งเปิดให้เปลี่ยนหรือยกเลิกตั๋วไปญี่ปุ่นได้ฟรี ซึ่งมองว่าไทยอาจได้อานิสงค์การเปลี่ยนเส้นทางของนักท่องเที่ยวจีน

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่น (Japan Inflation) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +3.0% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +2.9% YoY และ เงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานตลาดคาดการณ์ที่ +3.1% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +3.0% YoY ต่อด้วยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของโซนยุโรป (HCOB Manufacturing PMI Flash) เดือน พ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 50.2 จุดเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 50.0 จุด ต่อด้วยการรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของสหรัฐ (S&P Global US Manufacturing PMI Flash) เดือน พ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 52.0 จุดเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 52.5 จุด

- Advertisement -