EPG เผยทิศทางธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง พร้อมยกระดับประสิทธิภาพทุกมิติ ภายใต้นโยบาย ‘USE’ หนุนผลประกอบการแข็งแกร่ง เตรียมจ่ายเงินปันผล 7 สตางค์ 9 ธ.ค.นี้

ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ปีบัญชี 68/69 (เม.ย. – ก.ย.68) บริษัทมียอดขาย 6,771 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขาย 7,182 ล้านบาท ลดลง 6% มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 33.2% เป็นไปตามเป้าหมาย มีกำไรสุทธิ 587 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการตั้งสำรองผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ลดลง สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง คาดว่าปีบัญชี 68/69 (เม.ย.68 – มี.ค. 69) จะสามารถรักษาระดับยอดขายที่ 13,800 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นที่ 30 – 33% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ จากการควบคุมต้นทุนที่มีวินัย การยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการจัดสรรเงินลงทุนอย่างรอบคอบ สำหรับการดำเนินงานของธุรกิจหลัก มีดังนี้

ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโตไม่น้อยกว่า 5% จากการขยายตัวทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยในสหรัฐอเมริกามีความต้องการใช้ฉนวนกันความร้อน/เย็น เกรดพรีเมี่ยม และสินค้าเพื่อใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรม Ultra Low Temperature Insulation และ Air Ducting system เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลุ่มลูกค้าโครงการหลักในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ กลุ่ม Semi-Conductor/ Data center/ และ โรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น 

Aeroflex มีข้อได้เปรียบจากกระแสการย้ายฐานการผลิตกลับประเทศ (Reshoring) และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐในสหรัฐอเมริกา โดย Aeroflex USA Inc. สหรัฐอเมริกา ได้ซื้อที่ดินและอาคารโรงงานบริเวณข้างเคียงโรงงานเดิมเพื่อเตรียมขยายกำลังการผลิต รองรับดีมานด์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า อีกทั้งช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาการนำเข้าสินค้าในสหรัฐอเมริกาในอนาคต สำหรับตลาดญี่ปุ่นนอกเหนือจากความต้องการใช้ฉนวนเกรดพรีเมี่ยมแล้ว สินค้ากลุ่ม Air Ducting system มีโอกาสเติบโตสูงเช่นกัน ขณะที่ตลาดในประเทศยังคงมีความต้องการใช้ฉนวนกันความร้อน/เย็น อย่างต่อเนื่อง

ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas คาดว่ายอดขายลดลงราว 5% สะท้อนภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ชะลอการเติบโตจากยอดการผลิตที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม Aeroklas ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโต ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จากโพลีเมอร์และพลาสติกเพื่อให้มีน้ำหนักเบา มีความทนทาน สามารถใช้ทดแทนวัสดุประเภทโลหะได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้รถกระบะมีน้ำหนักเบาลง ลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Aeroklas ต่อยอดการพัฒนานวัตกรรมเพื่อรองรับทั้งยานยนต์สันดาปและรถยนต์ไฟฟ้า (EV) พร้อมกันนี้ Aeroklas ได้ควบคุมต้นทุนการผลิตอย่างเข้มงวด ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดหาวัตถุดิบ เสริมความสามารถการแข่งขันในระยะยาว

สำหรับธุรกิจในออสเตรเลียภายใต้ Aeroklas Asia Pacific Group (AAPG) ดำเนินการตามแผน Turnaround โดยการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และปรับปรุงช่องทางการขายให้ดีขึ้น ขณะเดียวกัน 4 Way Suspension Products Pty. Ltd แบรนด์ Tough Dog เป็นธุรกิจที่เติบโตได้ดี โดยจะเดินหน้ารุกตลาด Suspension ทั้งตลาดในออสเตรเลีย และส่งออกทั่วโลก

ส่วนการดำเนินงานในแอฟริกาใต้ ATD Alliance (Pty) Ltd สามารถควบคุมต้นทุนได้ดี บริษัทมีสภาพคล่อง อยู่ระหว่างเดินหน้าสู่การปรับโครงสร้างต้นทุนในการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดผลกำไรในระยะยาว Aeroklas มองเห็นโอกาสการเติบโตในแอฟริกาใต้ เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ในกลุ่มรถกระบะกำลังเติบโต รองรับทั้งตลาดในทวีปแอฟริกาและส่งออกไปยังยุโรป เห็นได้จากการลงทุนสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ของผู้ผลิตยานยนต์

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 5% มีปัจจัยสนับสนุนจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง ประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น และการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ EPP ยังคงใช้จุดแข็งจากเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการผลิต และมาตรฐานต่าง ๆ เช่น มอก./ GMP/ HACCP/ BRC และ FSC เพื่อขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม

สำหรับธุรกิจร่วมทุนกลุ่มธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น และ ธุรกิจชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ ทั้งในไทย อินเดีย และ จีน ยังคงเผชิญแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

นอกจากนี้ประชุมคณะกรรมการบริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 68 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานสิ้นสุด 30 ก.ย. 68 ในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท (เจ็ดสตางค์) รวมเป็นจำนวนเงิน ทั้งสิ้น 196 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 28 พ.ย.68 และ กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 ธ.ค.68

“บริษัทเชื่อมั่นว่า ความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรมและการปรับตัวเชิงกลยุทธ์ ภายใต้นโยบาย “USE” ( U: Utilization การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า, S: Save การประหยัดค่าใช้จ่าย, และ E: Efficiency การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน) ผสานกับการรักษาสภาพคล่อง การบริหารกระแสเงินสด และการควบคุมต้นทุนอย่างมีวินัย จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้ทั้งสามกลุ่มธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคงในปีบัญชี 68/69 แม้ยังมีความท้าทายทางเศรษฐกิจมหภาคก็ตาม” ดร.เฉลียว กล่าว

- Advertisement -