KS Daily View 26.11.2025 >>> ยอดส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เติบโตต่อเนื่องในตลาดสหรัฐ คาด SET กรอบ 1,265 – 1,290 จุด แนะนำ KCE และ AMATA

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.91%, Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.67%, และ Dow Jones เพิ่มขึ้น 1.43% หลังข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาจะสนับสนุนมุมมองที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,268.78 จุดเพิ่มขึ้น +16.05 จุด (+1.28%) จากการปรับตัวขึ้นของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มขนส่ง, และกลุ่มพลังงาน ในวันนี้ เราคาด SET Index จะแกว่งตัว sideway up ในกรอบ 1,265 – 1,290 จุด จากภาพเชิงบวกของหุ้นต่างประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ประกอบกับตัวเลขส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังคงเติบโตต่อเนื่องในตลาดสหรัฐ ส่งผลบวกกับกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ของไทยโดยเฉพาะ DELTA และ KCE ในขณะเดียวกัน มีรายงานว่ายูเครนได้ยอมรับกรอบข้อตกลงสันติภาพกับสหรัฐฯที่กรุงอาบูดาบี ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงราว 1.5% ในคืนที่ผ่านมา ส่งแรงกดดันไปยังกลุ่มพลังงงานเช่นสำรวจและขุดเจาะรวมไปถึงกลุ่มโรงกลั่นจากแนวโน้มของ inventory loss อาจเกิดใน 4Q25 ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนยังคงมุ่งเน้นหุ้นมีผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องไปใน 4Q25 อย่าง KCE จากเลขส่งออก PCB ที่เติบโตแข็งแกร่งในเดือน ต.ค. และ AMATA หลังครม.เห็นชอบโครงการ Thailand Fast Pass เพื่อเร่งรัดการลงทุนปี 2025–2027

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน

1.มีรายงานว่ายูเครนได้ยอมรับกรอบข้อตกลงสันติภาพที่ได้รับการแก้ไขจากสหรัฐฯในการยุติสงครามที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 4 ปี ข้อตกลงสันติภาพนี้เกิดขึ้นจากการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและยูเครนที่กรุงอาบูดาบี โดยยูเครนได้เห็นพ้องในสาระสำคัญของข้อตกลง แม้ยังมีบางรายละเอียดที่ต้องเจรจาต่อไป ขณะที่รัสเซียยังคงระมัดระวังในท่าทีและโฆษกทำเนียบเครมลินกล่าวว่ารัสเซียจะติดต่อกับสหรัฐฯ เพื่อรับข้อมูลอย่างเป็นทางการเพิ่มเติม ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงราว 1.5% ในคืนที่ผ่าน มองเป็นลบกับ PTTEP และ กลุ่มโรงกลั่น

2.ครม.ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2027 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท โดยมีงบประมาณขาดดุล 7.88 แสนล้านบาท พร้อมประมาณการการขยายตัวของ GDP ไทยในปี 2027 ที่ 2.1-3.1% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ 0.4-1.4% โดยรัฐบาลจะไม่ขยายเพดานหนี้สาธารณะ และมุ่งเน้นการลงทุนผ่าน PPP และไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ส ฟันด์ เพื่อดึงเอกชนร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ทั้งนี้ รัฐบาลจะเน้นการบริหารการเงินการคลังเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงเศรษฐกิจในปี 2027

3.รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ได้เริ่มการประชุมเพื่อจัดทำแผน PDP ฉบับใหม่ให้เสร็จภายในมกราคม 2026 โดยคาดว่าแผนใหม่จะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) เพื่อตอบรับนโยบาย Net Zero 2050 และรองรับการเติบโตของกลุ่ม Data center ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยกระทรวงพลังงานยังวางแผนเปิดเสรีไฟฟ้าและขายไฟฟ้าตรงให้กับ Data center ผ่านโครงการ Direct PPA มองเป็นบวกกับ BGRIM และ GPSC

4.STGT แจ้งว่าโรงงานผลิตถุงมือในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ต้องหยุดการผลิตชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2025 เนื่องจากน้ำท่วมทำให้พนักงานไม่สามารถเดินทางเข้าออกโรงงานได้และพื้นที่บางส่วนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม โรงงานที่ไม่ได้รับผลกระทบยังคงดำเนินการผลิตได้ตามปกติ บริษัทฯ อยู่ในระหว่างการประเมินสถานการณ์และดำเนินการตามแผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCP) เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้โดยลดผลกระทบให้มากที่สุด

5.ส.อ.ท. เปิดเผยว่า ในเดือนตุลาคม 2025 ไทยผลิตรถยนต์รวม 135,685 คัน เพิ่มขึ้น 14.17% YoY และเพิ่ม 5.92% MoM โดยกลุ่มรถยนต์นั่งผลิต 55,997 คัน เพิ่ม 17.94% YoY แยกรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ผลิต 9,393 คัน เพิ่มขึ้นถึง 1,265% YoY และรถกระบะขนาด 1 ตันยังคงเป็นฐานการผลิตหลักของไทยที่ผลิตได้ 78,386 YoY คัน เพิ่ม 11.16% YoY พร้อมเริ่มผลิตรถกระบะไฟฟ้า 30 คัน มองเป็นบวกกับ AH และ SAT

Daily pick

KCE : ราคาพื้นฐาน 27.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ KCE จาก แนวโน้มฟื้นตัวในปีหน้า โดยแรงหนุนหลักมาจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เริ่มมีสัญญาณทรงตัวมากขึ้น และความเชื่อมั่นผู้บริโภคยุโรปที่ดีขึ้น ตามยอดจดทะเบียนรถใหม่ในยุโรปที่กลับมาเติบโตใน 3Q25 อีกทั้งดัชนี EU Manufacturing PMI กลับเข้าสู่โซนขยายตัวที่ระดับ 50.7 ในเดือนสิงหาคม 2025 ซึ่งมีความสัมพันธ์สูงกับการส่งออก PCB ของไทย จึงช่วยสนับสนุนภาพการกลับมาฟื้นตัวของรายได้ KCE ในระยะถัดไป ในด้าน Margin หาก demand กลับมาตามคาด GPM มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นมากกว่า 20% จากการใช้กำลังการผลิตของโรงงาน LKB ที่ดีขึ้นและการทำ Cost-saving program ที่เริ่มเห็นผลชัดตั้งแต่ปี 2024 รวมถึงแผนลดต้นทุนแรงงานเพิ่มเติมราว 10% และการเปลี่ยนไปใช้เคมีที่ผสมเองซึ่งช่วยลดผลกระทบจากเงินบาทผันผวนและราคาทองแดงที่ปรับขึ้น ทั้งนี้บริษัทคาดว่า GPM ปี 2026 จะได้อานิสงส์จาก product mix ใหม่ ๆ

AMATA: ราคาพื้นฐาน 23.50 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ AMATA ป็นหุ้นธีมปันผลที่โดดเด่นด้วยมูลค่าถูกราว 0.7x PBV ปี 2026 และ Dividend yield ประมาณ 6–7% บริษัทมี Backlog สูงราว 25,000 ล้านบาท ทำให้การโอนที่ดินจะเร่งขึ้นตั้งแต่ 4Q25 ต่อเนื่องถึงปี 2026 โดยเฉพาะแปลงที่ชลบุรีซึ่งให้ Margin สูง พร้อมทั้งมี upside จากการปรับราคาที่ดินในนิคมต่าง ๆ ปัจจัยโครงสร้างหนุนมาจากสองปัจจัยหลักคือ China-plus-one และการลงทุน Data Center ที่เร่งตัวตามคำขอ BOI ซึ่งพุ่งขึ้นกว่า 90% YoY ใน 9M25 โดยอุตสาหกรรม Digital โตมากกว่า 5 เท่า ส่งผลให้ความต้องการที่ดินในนิคมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ผู้บริหารจึงมั่นใจในเป้าขายที่ดินปี 2026 ที่ 2,000–3,000 ไร่ด้านผลประกอบการ 4Q25 คาดว่าจะโดดเด่น โดยตั้งเป้าโอนที่ดินราว 1,000 ไร่ ทำให้ทั้งปี 2025 แตะระดับ 2,000 ไร่ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบทศวรรษ.

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธ ติดตามยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ (Durable goods orders) เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.5% MoM ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.9% MoM และ จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.26 แสนตำแหน่งเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.20 แสนตำแหน่ง
  • วันพฤหัสบดี ติดตามดัชนีความเชื่อมันของผู้บริโภคของยุโรป (EU CCI) เดือน พ.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่-14.0 จุด
  • วันศุกร์ ติดตามดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทย (TH Industrial Production) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ -0.60% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +1.02% YoY
- Advertisement -