เก่งหลังเกมส์
SET Index ลดลง 1.05 จุด (-0.08%) ปิดที่ระดับ 1,274 จุด มูลค่าการซื้อขาย 3.8 หมื่นล้านบาท (หุ้นปรับลง 255 บริษัท และหุ้นปรับขึ้น 181 บริษัท) ดัชนีแกว่งแคบนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายเพื่อลดความเสี่ยงก่อนหยุดยาว 3 วัน โดมี Sector ปรับลงกดดัชนี คือ กลุ่มอิเล็กฯ (DELTA, KCE, HANA), ค้าปลีก (CPALL, CPAXT, CRC) และกลุ่มโรงพยาบาล (BH, BDMS, BCH) ส่วน Sector ปรับขึ้นพยุงดัชนี คือ กลุ่มขนส่ง (AOT, PSL, TTA) และ กลุ่มธนาคาร (BBL, KTB, TTB)
หุ้นที่เคลื่อนไหวเด่น คือ
AOT (+11.58%) ปรับขึ้นเด่นจาก 2 ข่าวดี คือ 1) แก้ไขสัญญากับ King power คงอัตราเรียกเก็บค่า Minimum guarantee ต่อหัว สำหรับ duty free ในสุวรรณภูมิและดอนเมืองตามเดิม แต่ปรับเพิ่ม Revenue sharing ขึ้นเป็น 35% จากเดิม 20% และ 2) กบร. มีมติปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ (Passenger Service Charge) เป็น 1,120 บาทต่อคน เพิ่มขึ้น 390 บาทต่อคนมากกว่าที่เราและ consensus คาดไว้ที่ 200-300 บาท นักวิเคราะห์ของเราประเมินกรณี Best case คาดราคาเป้าหมายปรับขึ้นเป็น 53.5 บาท
PTT (+1.60%) ได้ประโยชน์มากสุดจากมติที่ กพช. เห็นชอบปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯ ใหม่ โดยปรับให้โรงแยกก๊าซธรรมชาติของ PTT กลับไปใช้สูตรราคาเดิมซึ่งอ้างอิงจากราคาก๊าซในอ่าวไทยแทนปัจจุบันที่ใช้ราคา Single pool gas ช่วยลดต้นทุนให้กับ PTT เพราะราคาก๊าซในอ่าวไทยจะถูกกว่า Single pool อย่างมีนัยสำคัญ ผสาน PTT จ่ายปันผลดีให้ dividend yield เฉลี่ย 6-7% จึงดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการเงินปันผลทยอยเข้าซื้อ
PSL (+1.45%), TTA (+2.27%) มีจิตวิทยาบวกจากดัชนีค่าระวางเรือเทกอง (Baltic dry index) เร่งตัวขึ้นแตะระดับ 2,845 (+9.42% d-d) ทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปี (1 เดือน +45.30%), (1 ปี +141%) ในขณะที่ราคาหุ้น PSL ปีนี้เพิ่มขึ้นเพียง 12% ในขณะที่ TTA -11%
GUNKUL (+1.04%) ปรับขึ้น 4 วันติดต่อกันคาดได้ประโยชน์นโยบายติดตั้ง Solar rooftop ที่ภาครัฐอนุญาติให้นำค่าใช้จ่ายจากการติดตั้งลดหย่อนภาษีได้ 2 แสนบาท/ครัวเรือน หนุนยอดธุรกิจติดตั้ง Solar roof ของ GUNKUL เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ









