รอติดตามประชุม FED , ประชุมคณะรัฐมนตรี

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดบวก 0.2% (+104 จุด) ตลาดคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.7% ได้ปัจจัยหนุนจากความคาดหวังอุปสงค์จะเร่งตัวขึ้นหาก FED ลดดอกเบี้ย

Market Outlook

วันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯ ประกาศเงินเฟ้อ (PCE) พบว่าขยายตัว 2.8%YoY ใกล้เคียงกับที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ สอดคล้องกับเงินเฟ้อพื้นฐานที่ขยายตัว 2.8%YoY เป็นไปตามที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ในขณะที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนได้รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคพบว่าดีขึ้นจากครั้งก่อนและมากกว่าคาดการณ์ รายละเอียดภายในระบุว่าความเชื่อมั่นขยับดีขึ้นโดยเฉพาะในคนรุ่นใหม่ นอกจากนี้พบว่าผู้บริโภคมีความคาดหวังเพิ่มมากขึ้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสถานะการเงิน จากเงินเฟ้อที่สอดคล้องกับคาดการณ์และยังอยู่ระดับสูงผสานกับความเชื่อมั่นปรับดีขึ้น กดดันให้ US Bond Yield ทยอยปรับขึ้น (ระยะสั้นสร้างแรงกดดันเล็กน้อยต่อตลาดหุ้นทั้งไทยและ ต่างประเทศ)

สำหรับปัจจัยในประเทศยังมิได้มีปัจจัยอะไรที่มีนัยยะสำคัญ ทำให้ SET INDEX วันศุกร์ปิดทรงตัว (-0.08%) นักลงทุนหันไปให้น้ำหนักเป็นรายตัวมากกว่าอย่าง AOT ที่ปรับขึ้นเด่นจากความชัดเจนทั้ง King Power , การปรับขึ้นค่าบริการสนามบิน (PSC) หากปีหน้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาจะเป็นปัจจัยเชิงบวกอย่างมากกับหุ้น AOT แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมา 5.5% ระยะสั้นอาจเผชิญแรงทำกำไรบ้าง แต่การปรับตัวลงยังมองเป็นโอกาสท่ามกลางปัจจัยต่างๆ ที่คลี่คลาย คืนนี้ไม่มีปัจจัยสำคัญต้องติดตาม แต่ระหว่างสัปดาห์เข้มข้นจากประชุม FED , ตำแหน่งเปิดรับสมัครงาน , คนขอรับสวัสดิการว่างงานรวมไปถึงประชุมคณะรัฐมนตรีของไทย

วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1260 – 1280 ตลาดยังไร้ปัจจัยใหม่ๆ ทำให้กรอบการเคลื่อนไหวอาจจำกัด แต่ก็มีปัจจัยหนุนสั้นๆ จากการกระตุ้นตลาดของรัฐมนตรีคลัง พร้อมกับหากประชุม FED ส่งสัญญาณผ่อนคลายมองตลาดหุ้นทั่วโลกมีโอกาสขยับขึ้นต่อ ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนแนะหันไปมองหากลุ่มค้าปลีก (CPALL HIMPRO) ที่ยัง Laggard ท่องเที่ยวที่ยัง Laggard (MINT) รวมไปถึงพวกศูนย์การค้า (CPN) กลุ่มได้ประโยชน์ดอกเบี้ยปรับลง (MTC SAWAD TIDLOR) อสังหาฯ (AP SPALI)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

KTB (ถือ / ราคาเป้าหมาย 29.50 บาท)

(Trading ระยะสั้น) แม้ผลการดำเนินงานจากธุรกิจธนาคารจะชะลอตัวกดดันจากการชะลอตัวของสินเชื่อ และ NIM ลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่การเพิ่มรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจ Wealth management และธุรกิจด้านต่างประเทศ (Global market) ช่วยลดทอนผลกระทบได้บางส่วนดังนั้น คาดกำไรสุทธิในปี 2025 จะปรับสูงขึ้น 7%

AWC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 2.60 บาท)

แนวโน้มปี 2026 คาดฟื้นตัวจากฐานต่ำ ประกอบกับ 6 โครงการใหม่ที่ทยอยเปิดในปี 2025 คาดส่งเสริมให้ Occupancy รวม หนุนรายได้หลักคาดเติบโต 8%/10% YoY ในปี 2025/26

- Advertisement -