ความไม่สงบไทยกับกัมพูชาสร้างแรงกดดันเชิงจิตวิทยา
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 215 จุด (-0.45%) ถูกคดดันจากการปรับขึ้นของ US Bond Yield นักลงทุนค่อนข้างระมัดระวังการซื้อขายก่อนจะทราบผลประชุม FED ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 1.9% หลังมีรายงานว่าอิรักกลับมาดำเนินการผลิตน้ำมัน
Market Outlook
เมื่อคืนที่ผ่านมาไม่ได้มีการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลงจากการเร่งตัวขึ้นของ US Bond Yield โดยที่ไม่ได้มีปัจจัยอะไรที่กดดันให้ US Bond Yield ปรับขึ้นแต่คาดการณ์ว่าอาจเป็นเพราะเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่เฉลี่ยอยู่ในช่วง 2.8-3% พร้อมกับดอกเบี้ย FED ที่อยู่ระดับ 4% ทำให้การลดดอกเบี้ยจากนี้ของ FED อาจทำได้ไม่มากเท่าใดนัก เพราะดอกเบี้ย – เงินเฟ้อมักควรอยู่สูงกว่าเฉลี่ย 0.5% ดอกเบี้ย FED อาจลดอีกไม่กี่ครั้ง (ราว 2-3 ครั้ง) ประกอบกับนักลงทุนบางส่วนอาจเลือกขายพันธบัตรก่อนที่ประชุม FED จะเริ่มขึ้นในช่วงกลางคืนของวันพุธหรือทราบผลทางการในวันพฤหัสบดีช่วงเช้า ตามเวลาประเทศไทย CME FED Watch ให้น้ำหนักมากถึง 87% ที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ยลง ในการประชุมครั้งนี้ 0.25% โดยคืนนี้รอติดตามการประกาศตัวเลขตำแหน่งเปิดรับสมัครงานของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 7.1 ล้านตำแหน่ง ส่วนคืนวันพุธไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ (พรุ่งนี้ตลาดหุ้นไทยปิดทำการ) การประชุมครั้งนี้ค่อนข้างสำคัญเพราะจะรายงานทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยช่วงถัดไป ตัวเลขเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
กลับมาที่ปัจจัยในประเทศเผชิญแรงกดดันเชิงจิตวิทยาจากความไม่สงบระหว่างไทยกับกัมพูชา แม้ในเชิงเศรษฐกิจรวมไปถึงบริษัทจดทะเบียนจะไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ แต่อย่างไรก็ตามอาจมีบางบริษัทที่มีรายได้ในกัมพูชาได้รับผลกระทบ อาทิ CBG CPALL OR (แต่ก็เป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อย) ในขณะเดียวกันอาจกดดันถึงการท่องเที่ยวไทยจากต่างชาติที่กำลังเข้าสู่ช่วงปัจจัยฤดูกาล โดยวันนี้รอติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรีที่อาจนำมาตรการลดหย่อนภาษีต่างๆ เข้าพิจารณา วานนี้มีรายละเอียดออกมาเบื้องต้นแต่ยังไม่เป็นที่ชัดเจน
วันนี้ประเมิน SET INDEX เสียงปรับตัวลงในกรอบ 1250 – 1265 เผชิญแรงกดดันจากการปรับลงของหุ้นสหรัฐฯ และจิตวิทยาเชิงลบจากการส์รบระหว่างไทยกับกัมพูชาประกอบกับนักลงทุนบางส่วนอาจเลือกขายทำกำไรก่อนที่จะเข้าสู่วันหยุดระหว่างสัปดาห์ ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนแม้จะมีปัจจัยกดดันแต่พื้นฐานบริษัทจดทะเบียนไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ จึงมองเป็นโอกาสสะสมเพื่อรอการฟื้นตัวในช่วงที่ปัจจัยกดดันข้างต้นจะเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น เน้นที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ค้าปลีก (CPALL HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) การเงิน (MTC TIDLOR) ท่องเที่ยว (MINT CENTEL)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
SCB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 146.00 บาท)
คุณภาพสินเชื่ออาจอ่อนแอลง SCB เพิ่มความระมัดระวังด้วยการตั้งสำรองหนี้ฯ พิเศษรวม 3 พันลบ. ใน 9M25 รองรับความผันผวน และอาจพิจารณากลับเป็นรายได้ในอนาคตหากสถานการณ์คลี่คลายลง
ICHI (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 13.90 บาท)
ประเมินกำไรปกติ 2026 กลับมาทำ All-time high อีกครั้ง ที่ 1.4 พันล้านบาท (+14%YoY) หนุนจากการฟื้นตัวของยอดขายชาเขียวพร้อมดื่ม ยอดขายน้ำต่าง รายใต้ OEM รับอานิสงค์การบริโภคที่ฟื้นตัว สภาพอากาศที่เป็นใจมากขึ้น รวมถึงการขยายช่วงทางจัดจำหน่ายเข้าไปทางช่องค้าปลีกแบบดั้งเดิมในบางสินค้า









