บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

C.P. Axtra PCL  (CPAXT.BK/CPAXT TB)  จะดีขึ้นได้จำกัดจากนี้ไป 

Event 

อัพเดตแนวโน้มบริษัท, ปรับประมาณการกำไร และ ราคาเป้าหมาย 

Impact 

ภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแออาจจะฉุดให้บริษัทได้อานิสงส์จำกัดจากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาล 

เราคาดว่าภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอจาก i) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัว (-7% ในช่วง 11M68) ii) กรณีพิพาทชายแดนไทย และ กัมพูชา และ iii) ผลกระทบทางเศรษฐกิจหลังน้ำท่วมซึ่งจะไปหักล้างกับอานิสงส์ที่จำกัดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดล่าสุดของรัฐบาล(“คนละครึ่งพลัส”) ซึ่งสอดคล้องกับ same-store-sales ในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนของธุรกิจ B2B ซึ่งแทบไม่เปลี่ยนแปลง และของของธุรกิจ B2C ที่ติดลบหลักเดียวต่ำ ๆ เราคาดว่าอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลจะเกิดกับธุรกิจ B2B (Makro) มากกว่า B2C (Lotus’s) ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีจุดแข็ง และ วางตำแหน่งธุรกิจไว้ที่การจำหน่ายสินค้าจำเป็น โดยเฉพาะอาหารสด (37% ของยอดขายรวม) แต่กำลังซื้อที่อ่อนแอลงท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยอาจจะกดดันอัตรากำไรโดยรวมจาก product mix (สัดส่วนยอดขายสินค้าที่ไม่ใช่อาหารลดลง) และ การจัดแคมเปญส่งเสริมการขาย เรามองว่าการคุมต้นทุนเป็นประเด็นที่ท้าทาย เนื่องจากช่องทาง omni channel และ การเปิดสาขาร้านใหม่ ดังนั้น เราจึงคาดว่าผลประกอบการจะ อ่อนแอใน 4Q68 โดยกำไรน่าจะลดลง YoY แต่จะดีขึ้น QoQ (เพราะปัจจัยฤดูกาล) 

จะดีขึ้นได้จำกัดจากนี้ไป 

เรามองว่าจากนี้ไปบริษัทจะมีปัจจัยสนับสนุนให้ดีขึ้นได้จำกัด เนื่องจาก i) คาดว่าอัตราการขยายตัวของ GDP ไทยจะแผ่วลงจาก 1.9% ในปี 2568F เป็น 1.4% ในปี 2569F (Figure 1) โดยคาดว่าจะยังไม่น่าสนใจในช่วง 1H69F ก่อนที่จะขยับดีขึ้นใน 2H69F หลังเลือกตั้ง และ ii) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มจะฟื้นตัวได้ช้าลง หลังจากที่ KGI ปรับลดประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยปีนี้ลง 4% เป็น 32.9 ล้านคน (จากเดิม 34.1 ล้านคน) และ ปีหน้าเป็น 34.2 ล้านคน (จาก 35.5 ล้านคนในปี 2569) ตามที่ระบุไว้ในบทวิเคราะห์กลุ่มท่องเที่ยวของ KGI เรื่อง “จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 7.3% YoY ในช่วง 11M68” ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 ถึงแม้ว่ารัฐบาลมีแผนจะออกมาตรการกระตุ้นระลอกใหม่ (“คนละครึ่งพลัส เฟส 2”) แต่เราคาดว่าจะช่วยให้กำไรเพิ่มขึ้นได้จำกัด ดังที่เราระบุไว้ในบทวิเคราะห์ CPAXT ฉบับวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ดังนั้น เราจึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2568F/2570F ลง 4-10% (Figure 6) ซึ่งหลัก ๆ แล้วสะท้อนถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจากทั้งธุรกิจ B2B และ B2C ทั้งนี้ เนื่องจาก i) ผลประกอบการใน 4Q68 ไม่น่าสนใจแม้จะเป็นช่วง peak ตามฤดูกาล ii) โมเมนตัมอาจจะแผ่วลงใน 1Q69 จากปัจจัยฤดูกาล และ iii) คาดว่ากำไรจะโตได้จำกัดเพียง 6-7% ในปี 2569F-2570F เราจึง de-rate PER จากเดิม 20.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตของหุ้นกลุ่มนี้ในตลาดโลก -1.0 S.D) เป็น 18.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตของหุ้นกลุ่มนี้ในตลาดโลก -2.0 S.D) เท่ากับกลุ่มธุรกิจอาหารของ Central Retail Corporation (CRC.BK/CRC TB)* 

Valuation 

เราปรับลดราคาเป้าหมายสิ้นปี 2569F ลงเป็น 17.00 บาท อิงจาก PER ที่ 18.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตของหุ้นกลุ่มนี้ในตลาดโลก -2.0 S.D) จากเดิมที่ 21.50 บาท โดยแนะนำถือ CPAXT 

Risk 

เศรษฐกิจชะลอตัว, ราคาสินค้าเกษตรลดลง, ขยายสาขาได้ช้ากว่าแผน, disruption ที่เกิดจากเทคโนโลยีใหม่, ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ทางการ และ ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการขยายกิจการในต่างประเทศ

- Advertisement -