บล.พาย:
TOURISM นักท่องเที่ยวฟื้นตัวหนุนกำไรปี 2026 (OVERWEIGHT)
TOP PICK: AWC, CENTEL
คาดผลกำไรปกติรวมใน 4Q25 ของบริษัท 4 แห่งในกลุ่มการท่องเที่ยว (MINT, CENTEL, ERW และ AWC) อยู่ที่ 4.3 พันล้านบาท (-20% YoY, +29% QoQ) หนุนกำไรรวมปี 2025 เติบโต 2% YoY และคาดเติบโตต่อเนื่อง 17% YoY ในปี 2026 ตามลำดับ จำนวนนักท่องเที่ยวสะสมปี 2025 อ่อนแอ -7% YTD (1 ม.ค. – 21 ธ.ค.) โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะอยู่ที่ราว 33 ล้านคน ในปี 2025 (-7%) ทั้งนี้ มุมมองต่อการเติบโตในปี 2026 1) นักท่องเที่ยวฟื้นตัวจากฐานต่ำ 2) ความเชื่อมั่นในความปลอดภัยต่อประเทศไทยปรับตัวดีขึ้น และ 3) ADR สูงขึ้นด้วยอานิสงส์จากการเร่งปรับปรุงโรงแรมแล้วเสร็จก่อน 4Q25 โดยคาดหนุน RevPar กลุ่มฯ เติบโตแข็งแกร่งเฉลี่ย 5% YoY แม้เศรษฐกิจไทยอาจชะลอตัวกดดันกำลังซื้อในประเทศ แต่การขยายสาขาใหม่ที่ต่อเนื่องจะชดเชยรายได้จากสาขารวม (TSSG) ยังเติบโต YoY ขณะที่สัดส่วน IBD/E’26 กลุ่มฯ เฉลี่ยที่ 0.9x อยู่ในระดับควบคุมได้ นอกจากนี้ เรามองว่า Valuation น่าสนใจ น้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาด” เลือก AWC และ CENTEL เป็น Top pick
กำไรปกติใน 9M25 แข็งแกร่ง ส่งผลให้กำไรปกติปี 2025 เติบโตต่อเนื่อง
- กำไรปกติรวมของ 4 บริษัทใน 9M25 เติบโต 14% YoY ที่ 9 พันล้านบาท หนุนจาก 1) การปรับขึ้น ADR ให้เหมาะสมหลังปรับปรุงโรงแรมใหม่ 2) การเปิดให้บริการจุดท่องเที่ยวเชิง Lifestyle ใหม่ เช่น Jurassic World หนุนอัตราเข้าชมและเช่าร้านค้าที่ Asiatique กลับมาแข็งแกร่ง และ 3) ชำระคืนหนี้ ลดภาระทางการเงินกลุ่มฯ ใน 9M25 ได้ถึง 14% YoY นำโดย MINT (-19% YoY) คาด IBD/E กลุ่มฯ ปี 2025/26 เฉลี่ยที่ 1.0x และ 0.9x ตามลำดับ ทั้งนี้เนื่องจากฐานรายได้โรงแรมที่สูงใน 4Q24 และ นักท่องเที่ยวสะสมอ่อนแอ YoY ส่งผลให้เราประมาณผลประกอบการกลุ่มฯ ทั้งปี 2025 เติบโตเล็กน้อยที่ 2% YoY
- MINT คาดกำไรปกติปี 2025 เติบโตโดดเด่น +7% YoY หนุนจากการเร่งคืนหนี้ ลดภาระดอกเบี้ยจ่ายอย่างต่อเนื่อง ตามด้วย AWC (+4% YoY) ที่ได้รับอานิสงส์จากการเปิดให้บริการ Jurassic World และ Sky Flyer หนุนอัตราเช่าพื้นที่ Asiatique พุ่งถึง 85% ใน 3Q25 (+17 ppts YoY, +9 ppts QoQ) ขณะที่กำไรปกติของ CENTEL/ERW ลดลง 4% YoY/33% YoY ตามลำดับ ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม (1 ม.ค. – 21 ธ.ค.) หดตัว 7% YoY อยู่ที่ 31.8 ล้านคน ส่วนใหญ่จากนักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงกว่า 34% YoY คิดเป็นสัดส่วน 14% ของนักท่องเที่ยวขาเข้า (Inbound) ทั้งหมด ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจาก 28%/19% ในปี 2019/23
คาดจำนวนนักท่องเที่ยวกลับมาเติบโตที่ 34.3 ล้านคนในปี 2026
- ในปี 2026 เราคาดจำนวนนักท่องเที่ยวมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นราว 4% YoY ที่ 34.3 ล้านคน โดยเฉพาะการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวจีนหนุนจาก 1) คะแนนผลสำรวจความปลอดภัยของประเทศไทยปรับสูงขึ้น และ 2) ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างจีน-ญี่ปุ่น คาดได้รับผลกระทบจนถึงต้นปี 2026 โดยไทยมีสัญญานการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนสวนทางกับญี่ปุ่นในช่วงเวลาเดียวกัน มองเป็นสัญญานบวกต่อการท่องเที่ยวไทย
- ขณะที่ประเมินนักท่องเที่ยวอินเดียมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องราว 8-10% YoY (ปี 2025 คาด +17% YoY) และกำหนดการส่งต่อผู้ป่วยตะวันออกกลางมารักษาที่ไทยเพิ่มขึ้นในปี 2026 แม้การเติบโตอาจไม่สูงเท่าช่วงปี 2024 ที่ 24% YoY เนื่องจากนโยบายประเทศต้นทางที่มีการเปลี่ยนแปลง แต่มองเป็นสัญญานบวกต่อการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์
น้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาด” เติบโตต่อเนื่อง และ Valuation ที่น่าสนใจ
- น้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาด” เนื่องจาก 1) พื้นฐานกลุ่มการท่องเที่ยวของไทยแข็งแกร่งมีโอกาสฟื้นตัวในระยะยาว 2) Valuation น่าสนใจ ทำให้ Downside risk ค่อนข้างจำกัด โดยค่าเฉลี่ยกลุ่มฯ (MINT, CENTEL, ERW และ AWC) ในปี 2026 คาด EV/EBITDA 11x และ PE 15x โดย Valuation ของหลายบริษัทซื้อขายที่ -0.5 SD ของค่าเฉลี่ยบริษัทเองในรอบ 10 ปี และ 3) แนวโน้มการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวในปี 2026 ที่ 34.3 ล้านคน หนุนการเติบโตกำไรปกติกลุ่มฯ แข็งแกร่งที่ 17%
- เลือก AWC และ CENTEL เป็นหุ้นเด่น 1) โดดเด่นในการเติบโตของกำไรในปี 2026 คาดที่ 21% และ 17% ตามลำดับ 2) ควบคุมอัตรากำไรมั่นคงทั้ง GPM และ EBITDA Margin และ 3) มีกำหนดการดำเนินงานและโครงการใหม่สำหรับปี 2026 ที่ชัดเจน
AWC
คาดผลประกอบการใน 4Q25 เติบโต QoQ หนุนจากยอด Booking ในต่างจังหวัดที่เติบโตสูง ขณะที่ในกรุงเทพมีแนวโน้มติดลบลดลง ประกอบ กับ Asiatique ที่คาดได้รับประโยชน์จากอัตราการเข้าชม Jurassic World และ Sky flyer ที่สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยกำไรปกติปี 2026 คาดเติบโตแข็งแกร่ง 21% YoY หนุนจากกำหนดการเปิด Fairmont Bangkok Sukhumvit (419 ห้อง) Lannatique Kalare และ Woeng Nakorn Kasem
CENTEL
ใน 4Q25 ธุรกิจโรงแรมมีแนวโน้มการเติบโต QoQ ดีจากปัจจัยฤดูกาล โดยแนวโน้มเดือน ต.ค.-พ.ย. หนุนจาก Occupancy เป็นหลัก ไทย +9 ppts YoY ดัน RevPar +11% YoY (กรุงเทพ +3% YoY และต่างจังหวัด +16% YoY) ขณะที่ธุรกิจร้านอาหาร (รวม JV) SSSG -2 YoY และ TSSG +6% YoY ผลประกอบการในปี 2026 คาด RevPar แข็งแกร่งด้วยยอด Booking ที่เติบโตดี และมัลดีฟส์ฟื้นตัวต่อเนื่อง (RevPar +38% YoY)ขณะที่ธุรกิจร้านอาหาร Lucky Suki มีแผนขยาย 20-22 สาขาต่อปี
ERW
กำไรปกติ 4Q24 คาดเติบโต QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล แต่อ่อนแอ YoY ด้วย RevPar เดือนต.ค.-พ.ย. อ่อนแอต่อเนื่องราว 7-9% YoY จาก Occupancy ที่ทรงตัว แต่ ADR เฉลี่ยลดลง 4-5% YoY โดยมองแผนการเติบโตปี 2026 มีความท้าทายด้วยเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศที่อาจฟื้นตัวช้า กดดันอุปสงค์ต่อกลุ่มลูกค้า Budget Hotel ซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้หลัก ประกอบกับคาด EBITDA Margin อ่อนตัว และกำหนดการปรับปรุง Grand Hyatt คาดกดดันรายได้กลุ่ม Luxury ในช่วงกลางปี 2026
MINT
คาดผลประกอบการโรงแรมใน 4Q25 เติบโตดี หนุนจากอัตราการจองห้องพักรวม (Booking) ในเดือนต.ค. เติบโตแข็งแกร่ง แม้อยู่นอดฤดูท่องเที่ยวยุโรป ขณะที่โรงแรมไทย Anantara เปิดให้บริการหลังปิดปรับปรุง 5 แห่ง หนุน ADR เติบโต YoY ตั้งแต่ 4Q25 ขณะที่ในปี 2026 มีกำหนดการขายสินทรัพย์โรงแรมเข้า REITs ใน 20-3026 มูลค่าราว 1.2-1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีแผน IPO MINOR Food ทั้งนี้รายละเอียดแผนยังไม่มีความชัดเจน ดังนั้น แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2026 คาดหนุนจากปัจจัยการปรับขึ้นของ ADR และการลดภาระดอกเบี้ยจ่ายเป็นหลัก ขณะที่บริษัทตั้งเป้าเน้นลดสัดส่วนหนี้ที่ IBD/E ที่ 0.8x
คาดกำไรปกติรวมเติบโต 2% ในปี 2025 และเร่งตัวเป็น 17% ในปี 2026
- การท่องเที่ยวไทยใน 4Q25 คาดฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้จำนวนนักท่องเที่ยวสะสมอ่อนตัว 7% YTD (1 ม.ค.- 21 ธ.ค.) แต่มีโอกาสถึงเป้าหมายที่ 33 ล้านคน ณ สิ้นปี 2025 (ปัจจุบันยอดสะสมที่ 31.8 ล้านคน) ทั้งนี้ แม้ปี 2026 ยังมีความท้าทายจากเศรษฐกิจชะลอตัว และกำลังซื้อในประเทศยังอ่อนแอเป็นแรงกดดันโรงแรมที่มุ่งเน้นการรับนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นหลัก เช่น Hop Inn โดยเฉพาะเมื่อสิ้นสุดมาตราการกระตุ้นจากภาครัฐ “เที่ยวดีมีคืน” และมาตราการลดหย่อนภาษีจากการปรับปรุงโรงแรมใน 2H25 อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มฟื้นตัวจากฐานต่ำ คาดฟื้นกลับมาที่ราว 34.3 ล้านคนในปี 2026 (ต่ำกว่าที่การ ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตั้งเป้าอยู่ที่ 35 ล้านคน) เรามองว่าเป็นปัจจัยส่งเสริมธุรกิจโรงแรมที่เน้นการรับชาวต่างชาติเป็นหลักและเครือโรงแรมหลายแห่งมีการเร่งปรับปรุงห้องพักแล้วเสร็จก่อน 4Q25 โดยเฉพาะ AWC ที่มีกำหนดเปิดโรงแรมและธุรกิจ Lifestyle เพิ่มตั้งแต่ 1H26 และคาดหนุนผลประกอบการปี 2026 เติบโตแข็งแกร่ง YoY
- ปี 2026 มองว่าได้รับอานิสงค์จากแนวโน้มการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นหลัก หนุนจาก 1) มีการปรับคะแนนผลสำรวจความปลอดภัยของไทยสูงขึ้นช่วงไตรมาส 3 และ 2) จีนมีความตึงเครียดทางการเมืองกับญี่ปุ่น ส่งผลให้ล่าสุดมีการยกเลิกเที่ยวบินกว่า 4 แสนใบ (30-35% ของยอดจองเดิม) คาดส่งผลกระทบจนถึงต้นปี 2026 มองเป็นโอกาสหนุนไทยขยาย Market Share รับนักท่องเที่ยวจีนขาออก (Outbound) มากขึ้น ปัจจุบันยอดสะสม Outbound ช่วงเดือนม.ค.-ต.ค. 2025 จีนเยือน ญี่ปุ่น/เวียดนาม/ไทย คิดเป็นสัดส่วน 5.7%/3.1%/2.8% ตามลำดับ ซึ่งญี่ปุ่นเริ่มมีสัญญานอ่อนตัวตั้งแต่เดือน ต.ค. สวนทางกับการฟื้นตัวในไทย คาดจะเห็นการเติบโตแข็งแกร่ง YoY ในช่วงตรุษจีนเดือน ก.พ. 2026
- ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารไทยในปี 2026 โดยเฉพาะกลุ่มราคาประหยัด คาดมีการแข่งขันที่สูงขึ้น กลยุทธ์การเติบโตมีแนวโน้มปรับเปลี่ยนจากการแข่งขันด้านราคา เป็นเน้นการออกแคมเปญที่ดึงดูด และการขยายสาขาใหม่ เป็นหลัก จากประเด็นดังกล่าวเรามอง CENTEL มีความน่าสนใจจากการเข้าซื้อธุรกิจ Lucky Suki (เป็นเจ้าของ 40%) ใน 2H25 คาดมีโอกาสหนุน SSSG และ TSSG เติบโตมากขึ้นในปี 2026 ด้วย 1) ความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจระดับปานกลางเทียบแบรนด์อื่นในเคลือ CRG 2)ประเภทอาหารและบริการไม่ทับซ้อนกับแบรด์ที่ CRG มีอยู่เดิม ลดความเสียงการแข่งขันภายในเครือ และ 3) จำนวนสาขาเดิมที 38 สาขา มีไม่มากเมื่อเทียบคู่แข่งทางตรงในตลาด ทำให้มีโอกาสขยายสาขามากขึ้น โดยตั้งเป้าขยาย 20-22 สาขาต่อปี
- คาดกำไรปกติรวมของกลุ่มฯ จะปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง 17% ในปี 2026 หนุนจาก Occupancy ฟื้นตัว และ ADR ปรับสูงขึ้นหลังโรงแรมหลายแห่งปรับปรุงแล้วเสร็จ ประกอบกับแผนการขยายสาขาร้านอาหารใหม่ โดยมองว่าบริษัททั้ง 4 แห่งจะรายงานกำไรเติบโตในปี 2026 นำโดย AWC (+21% YoY) ตามด้วย CENTEL (+17% YoY) MINT (+17% YoY) และ ERW (+15% YoY)







