Daily Focus: ทรัมป์กดดันหุ้นเอเชีย SET พลิกหลุดต่ำกว่า 1,470 จุด อีกครั้ง
2025 SET Target: 1600
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways เกือบตลอดวันรอดูผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม มีแรงขายออกมากดดันค่อนข้างหนักในชั่วโมงสุดท้ายของการซื้อขายหลังทรัมป์ประกาศชัยชนะ กดดันดัชนีปิดลบ 14.25 จุด ที่ระดับ 1,467.42 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่สูงขึ้นเป็น 5.7 หมื่นลบ. พลิกมาต่ำกว่าแนวรับ 1,470 จุดอีกครั้ง สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นบางลงเหลือเพียง 79 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิหนาแน่น 1.8 พันลบ. (แต่ยัง Long Index Futures อีกบางๆ 3.2 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งดี Sideways ในกรอบ 1,460-1,472 จุด โดยคาด Upside ระยะสั้นยังจำกัด ถูกกดดันจากภาพใหญ่หลังทรัมป์ชนะการเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง ซึ่งเรามองว่าจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดเอเชียจากความกังวลเรื่องสงครามการค้าที่อาจรุนแรงขึ้น รวมถึงแนวโน้ม Dollar Index และ Bond Yield ที่ปรับขึ้นกดดันค่าเงินสกุลเอเชียและกระแสเงินทุนให้อยู่ในทิศทางไหลออก ส่วนคืนนี้มีปัจจัยที่ต้องติดตามคือการประชุม FED ซึ่งคาดว่าจะลดดอกเบี้ยอีก 25 bps เหลือ 4.50-4.75% แต่ที่ต้องจับตาคือถ้อยแถลงว่าจะส่งสัญญาณอย่างไรต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายการเงินในระยะถัดไป โดยเฉพาะหลังทรัมป์กลับสู่ตำแหน่ง ด้านปัจจัยในประเทศเรายังคงให้น้ำหนักกับการประกาศกำไรบจ. 3Q24 ซิงภาพรวมเท่าที่ประกาศออกมาถือว่าค่อนไปในทางต่ำกว่าคาดเล็กน้อย และเริ่มเห็นการปรับประมาณการ EPS ปี 2024-25 ลงราว 2-3% ซึ่งเป็นอีกปัจจัยกดดัน ดัชนีจากด้าน Valuation ที่ตึงตัวขึ้นเล็กน้อย ระยะสั้นเรามองดัชนีมีโอกาสชะลอตัวและคาดยังผ่านแนวต้านหลัก 1,500 จุดไม่ง่าย อย่างไรก็ตามเรายังมองโอกาสฟื้นตัวของดัชนีในระยะกลาง-ยาวเข้าหา SET Target ปี 2025 ที่ 1,600 จุด ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในทิศทางทยอยฟื้นตัว และได้แรงหนุนจากทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาล รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มขยับลงบ้าง ขณะที่ Downside คาดยังคงถูกจำกัดจากเม็ดเงินลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ 1 ที่ทยอยซื้อหุ้นในช่วงดัชนีย่อตัว
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่คาดแนวโน้มกำไร 3Q24 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว
หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : MAGURO, MTC, OSP, SFLEX, VIH
FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CALL, CPN, KCG, KTB, MTC, NSL, SFLEX, SHR, TU
หุ้นเด่น Finansia 7 พ.ย. 24 : CHG
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 3.80 บาท
- เราคาดกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 402 ลบ. +109% q-q, +23% y-y ทำ Record High หากไม่รวมช่วงโควิดที่มีกำไรสูงผิดปกติ หนุนจากทั้งรายได้เงินสดและประกันสังคมที่เติบโต Double Digit และมีการบันทึกรายได้โรคเรื้อรังเพิ่มเติมอีก 90 ลบ.หลังบันทึกไว้ต่ำเกินไปในปี 2023
- ด้านรพ.แม่สอดคาดมีผลขาดทุนใน 3Q24 น้อยลงต่ำสุดตั้งแต่เปิดให้บริการ ส่วนประเด็น RW>2 ของประกันสังคมยังไม่มีข้อสรุป ส่วนการยืนยันจากสปส.ว่าจะจ่ายค่ารักษาส่วนโรคซับซ้อนได้ 1.2 หมื่นบาท/RW ในปี 2025 เราเชื่อว่าเพียงพอที่จะช่วยจำกัด Downside ได้
- แนวรับ 2.80//2.74 บาท แนวต้าน 3//3.08 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) TU กำไรปกติ 3Q24 ที่ 1.45 พันลบ. ทรงตัว q-q, -1% y-y ใกล้เคียงคาด ไม่ตื่นเต้นเพราะ Ambient, Pet Food ดี ส่วน Frozen ยังลดลง คาดกำไรจะกลับมาสดใสขึ้นในปี 2025 บริษัทปรับลดเป้ารายได้ปี 2024 ลงเป็นโต 3-4% จากเดิม 4-5% แต่ปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นเป็น 18.5-19% แนวโน้มกำไร 4Q24 น่าจะทรงตัวถึงปรับลง q-q ตามฤดูกาล แต่จะโต y-y คงคาดกำไรปี 2024 +6.5% และปี 2025 +11% y-y ราคาเป้าหมาย 19.40 บาท ยังแนะนำ “‘ซื้อ”
(0) ITC โทนประชุมเป็นกลางสอดคล้องกับวิวเดิมของเรา และยังมองบวกระยะกลางยาวตามเดิม ผบห.อัพเดทแนวโน้มรายได้ใน 4Q24 ยังโต q-q และ y-y แต่อาจโต y-y ชะลอตัวจากฐานสูงปีก่อน ปัจจุบัน Secured ไปแล้ว 95% ของเป้ารายได้ใน 4Q เบื้องตันยังมองกำไร 4Q24 อาจทรงถึงอ่อนลง q-q เล็กน้อย และคาดกำไร 1H25 จะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น นอกจากนี้หากเกิด trade war เบื้องต้นเราไม่คาดว่าจะเป็นลบต่ออุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย ทั้งนี้ยังต้องติดตามนโยบายการค้าของประธานาธิบดีคนใหม่ของ US ต่อไป
(0) SCGD บริษัทคงเป้ารายได้เติบโต 2 เท่าภายในปี 2030 จากการขยายตลาดสุขภัณฑ์ในอาเซียนโดยใช้เวียดนามเป็นฐานการผลิตหลักและเน้นสินค้า HVA รวมถึงเตรียมงบ M&P โรงงานที่เวียดนาม ขณะที่กำไรสุทธิ 3Q24 -33% q-q, -17% y-y ตามยอดขายหดตัว เราปรับลดประมาณการกำไรเป็นปี 2024 +21% y-y และปี 2025-26 โต 12.4% CAGR ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 7.50 บาท ลดคำแนะนำเป็น “ถือ” แม้แนวโน้มกำไร 4Q24 ปรับตัวดีขึ้น q-q ตามฤดูกาล แต่คาดหุ้นถูก Overhang จากความเสี่ยงจากคดี KIA ถูกหน่วยงานรัฐอินโดนีเซียเรียกร้องหนี้ซึ่งอยู่ในกระบวนการศาล
(0) QH กำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 573 ลบ. -8% q-q, -10% y-y ใกล้เคียงคาด โดยกำไรถูกกดดันจากอัตรากำไรขันตันอสังหาฯปรับลงเป็น 29.2% จาก 29.7% ใน 2Q24 และ 31% ใน 3Q23 จากการทำโปรโมชั่นลดราคาขายและการแข่งขันสูง ส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วม -3% q-q, -3% y-y จากการลดลงของกำไร HMPRO ขณะที่ยอดโอนทรงตัว q-q, y-y กำไร 9M24 คิดเป็น 70% ของประมาณการทั้งปีของ Consensus ขณะที่แนวโน้ม 4Q24 คาดกำไรปรับตัวดีขึ้น q-q จากแผนเปิดโครงการแนวราบใหม่ 3 แห่ง รวมถึงบริษัทร่วม HMPRO ฟื้นตัว
(-) GABLE คาดกำไรปกติ 3Q24 ที่ 56 ลบ. -39% q-q, -15% Y-y กำไรที่ลดลงแรง q-q เนื่องจากใน 2024 บริษัทรับรู้รายได้ก้อนใหญ่จากงานโครงการขนาดใหญ่ ขณะที่กำไรที่ลดลง y-y ทั้งที่รายได้น่าจะเพิ่มขึ้น 5.2% y-y เนื่องจากการแข่งขันที่สูงขึ้นทำให้เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้ลดลง แนวโน้มกำไร 4Q24 ยังคงเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี ปรับลดประมาณการกำไรปี 2024-26 จากการแข่งขันสูงกดดันมาร์จิ้น ส่งผลให้กำไรปกติปี 2024-11% y-y และปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 5 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 1,508.05 จุด หรือ +3.57% ปิดที่ 43,729.93 จุดหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มรถยนต์ เนื่องจากตลาดกังวลเกี่ยวกับการเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลงด้วยท่ามกลางความวิตกว่า ทรัมป์อาจยุติการอนุมัติครั้งใหม่สำหรับโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่ง
(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ หลังทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งกระทบต่อความกังวลด้านเสถียรภาพทางการค้าและการเมืองโลก
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าแรง อยู่ที่บริเวณ 34.36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +2.30%
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 30 เซนต์ หรือ 0.42% ปิดที่ 71.69 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่เช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 71.72 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.04%
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 73.40 ดอลลาร์ หรือ 2.67% ปิดที่ 2,676.30 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยราคาทองถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะ ที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 2,670.90 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.20%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 883.46/ -0.39%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
7 พ.ย. | จีน: ส่งออก (ต.ค.) อังกฤษ: ประชุม BoE สหรัฐ: ประชุม Fed , Initial Jobless Claims |
8 พ.ย. | สหรัฐฯ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมิชิแกน (พ.ย.) |
9 พ.ย. | จีน: เงินเฟ้อ (ต.ค.) |
12 พ.ย. | อังกฤษ: อัตราการว่างงาน |
13 พ.ย. | สหรัฐ: เงินเฟ้อ (ต.ค.) |