Daily Focus: ทะลุ 1,200+- จุด ยังลุ้นขึ้นต่อได้ระยะสั้น

2025 SET Target: 1180

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นแรงกว่าคาดมาก ปิดบวกถึง 32.41 จุด ที่ระดับ 1,220.27 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น 5.4 หมื่นลบ. นำโดยหุ้นขนาดใหญ่อย่างกระจายตัว ตลาดได้อานิสงส์จากความคาดหวังเชิงบวกต่อการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนสัปดาห์นี้ รวมถึงการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่น 2.4 พันลบ.และ 4.5 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Long Index Futures สุทธิอีก 8.3 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่ง Sideways ในกรอบ 1,210-1,230 จุด ชะลอความร้อนแรงลงหลังจากปรับตัวขึ้นแรงวันก่อนหน้า โดยผลการประชุม FED ไม่ได้ Surprise ตลาด โดยคงดอกเบี้ยและยัง Wait and See รอข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจอีกครั้งในอนาคต ส่งผลให้ตลาดลดความคาดหวังการลดดอกเบี้ยลงอีกเล็กน้อย โดยให้โอกาสลดดอกเบี้ย 20% และ 70% สำหรับการประชุมเดือน มิ.ย. และ ก.ค. ตามลำดับ ขณะที่ Dollar Index เริ่มพลิกมาแข็งค่าขึ้นได้บ้างระยะสั้น และทำให้ค่าเงินบาทเริ่มพลิกมาอ่อนค่าหลังจากแข็งค่าแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คาดว่าอาจทำให้กระแสเงินทุนที่ไหลเข้าไทยหนาแน่นเริ่มชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม ภาพทางเทคนิคหลังจากดัชนีปรับตัวขึ้นทะลุ 1,200-1,210 จุด ได้แข็งแกร่ง ยังเปิด Upside ให้ดัชนีทยอยไต่ระดับขึ้นต่อได้ระยะสั้น อย่างไรก็ตามจากภาพเศรษฐกิจและกำไรบจ.ของไทยที่ไม่สดใสนัก คาดว่ายังจำกัด Upside ดัชนีที่โซนบริเวณ 1,250-1,270 จุด ล่าสุดตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงการประกาศกำไร 1Q25 บจ.ที่จะหนาแน่นขึ้น โดยต้องดูว่าจะต่ำกว่าคาดและนำไปสู่การปรับลดประมาณการ EPS ของตลาดลงเพิ่มเติมมากน้อยเพียงใด ระยะสั้นหุ้นที่ Laggard กว่าตลาดในช่วง 1 เดือนล่าสุดหลัง SET ฟื้นตัวจาก Low มีโอกาสกลับมา Outperform

กลยุทธ์ : ยังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 1Q25-2025 แข็งแกร่งและกระทบจำกัดจากภาษีการค้าสหรัฐฯและเศรษฐกิจชะลอตัว

หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : CPALL, MTC, NSL, OSP, PR9

FSSIA Portfolio: BA, BTG, CPALL, KBANK, MTC, NSL, PR9, STECON

หุ้นเด่น Finansia 8 พ.ค. 25 : CENTEL

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 49 บาท
  • เรามองข้ามกำไร 1Q25 ที่คาดว่าจะหดตัว 10% y-y ที่ 568 ลบ. โดยคาดว่าจะกลับมาเติบโตได้ใน 2Q25 หนุนจากโรงแรมในต่างจังหวัดและญี่ปุ่นที่แข็งแกร่ง ชดเชยกรุงเทพที่ชะลอตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวจีนได้
  • ภาพรวมกำไรปี 2025 คาดเติบโต 7% y-y เป็น 2 พันลบ. โดยมีแรงหนุนจากการกลับมาเปิดดำเนินการหลังปิดปรับปรุงแล้วเสร็จทั้ง Mirage พัทยาและกะรน ภูเก็ต รวมถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของ JV ธุรกิจอาหาร ราคาหุ้นยัง Laggard SET โดยยังติดลบ เทียบกับ SET ที่ฟื้นตัว 15% จาก Low ต้นเดือน เม.ย.
  • แนวรับ 23.30 บาท แนวต้าน 24.50//25 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคสุทธิต่อเนื่องอีก US$805 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ประเทศละ US$490 ล้านและ US$270 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าไทยหนาแน่น US$138 ล้าน แต่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$106 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลเข้า แต่ชะลอตัวลงหลัง FED ระบุจะไม่รีบลดดอกเบี้ยและรอข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากผลกระทบของภาษีการค้า

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) Fed คงดอกเบี้ยตาม 4.25-4.5% ตามตลาดคาด และอยู่ในโหมด wait and see จากความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะเกิดจากผลกระทบนโยบายภาษีทรัมป์ ซึ่งมีความเสี่ยงเงินเฟ้อด้านสูงและอัตราการว่างงานที่สูงขึ้น ทำให้เฟดไม่สามารถตัดสินใจล่างหน้าเกี่ยวกับนโยบายการเงินได้ จนกว่าแนวโน้มตัวเลขเศรษฐกิจมีความชัดเจน

(0) SAWAD คาดกำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 1.24 พันลบ, -1% y-y, +2% q-q ด้านบวกเราคาดว่าผลขาดทุนจากรถยึดจะลดลง โดยเฉพาะในธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และค่าธรรมเนียมนายหน้าในธุรกิจประกันภัยจะปรับตัวดีขึ้น ขณะที่จะมีปัจจัยถ่วงคือสินเชื่อที่โตต่ำและส่วนต่างดอกเบี้ยที่ลดลง จากผลตอบแทนสินเชื่อที่ลดลงต่อเนื่องและต้นทุนในการกู้ยืมที่สูงขึ้นเล็กน้อย NPL คงที่ที่ 3.58% คงคาดกำไรสุทธิปี 2025 ที่ 5.25 พันลบ. -6% y-y แต่ปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 30.50 คงคำแนะนำ “ถือ”

(+) CK คาดกำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 200 ลบ. พลิกจากขาดทุน 171 ลบ. ใน 4Q24 และเพิ่มขึ้น 65% y-y หลักๆ มาจากรายได้จากธุรกิจก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ +38% q-q, +37% y-y จากงาน M&E ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และคาดอัตรากำไรขั้นต้นทรงตัว q-q สำหรับ ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมคาดว่าอยู่ที่ 202 ลบ. +22% y-y คาดการณ์กำไร 1Q25 จะคิดเป็น 13% ของประมาณการทั้งปีที่ 1.5 พันลบ. +4% y-y โมเมนตันกำไร 2Q-3Q25 น่าดีขึ้นจากเงิน ปันผลรับของ TTW และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมจะสูงขึ้น โดยเฉพาะ CKP จะมีกำไรเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล คงราคาเป้าหมาย 20 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) SNPS แนวโน้มกำไร 1Q25 สดใส ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่ให้ไว้ตั้งแต่ IPO ลูกค้า OEM เพิ่มขึ้น สินค้าแบรนด์ตัวเองมีรายได้ดีขึ้นจากการทำตลาดมาก่อนหน้านี้ เราคาดกำไร 18 ลบ. +49% y-y แต่ทรงตัว q-q ตามฤดูกาล บนสมมติฐานรายได้ +20% y-y แต่ -11% q-q การควบคุมต้นทุนและรายจ่ายมีประสิทธิภาพ อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะดีขึ้นจากปีก่อนราว 3% กำไรที่คาดคิดเป็น 16% ของประมาณการทั้งปี คงประมาณการเพราะปกติ 10 มักต่ำสุด

(-) GFC คาดกำไรสุทธิ 1Q25 ต่ำสุดในรอบ 11 ไตรมาส และนับเป็นการปรับลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 4 หลักๆ มาจาก Margin หดจากต้นทุนเพิ่มจากการเปิดสาขาใหม่และค่าใช้จ่ายพิเศษในการเปิดสาขาใหม่ ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2025 ลง 15% เป็นลดลง 24% y-y เพื่อสะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าคาด และรายได้ที่ฟื้นตัวช้า ปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 4.90 บาท จาก 5.80 บาท Upside จำกัด คงคำแนะนำ “ถือ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 284.97 จุด หรือ +0.70%, ปิดที่ 41,113.97 จุด โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มชิปในช่วงท้ายตลาด หลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแผนที่จะยกเลิกการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แถลงมติการประชุม

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ หลังจากปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งติดต่อกันหลายสัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ และการตัดสินใจกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวกสลับลบ รับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คงดอกเบี้ย

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าอยู่ที่บริเวณ 32.89 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.76%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 1.02 ดอลลาร์ หรือ 1.73% ปิดที่ 58.07 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาด้านนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการเพิ่มขึ้นของสต็อกน้ำมันเบนซินสหรัฐฯ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์เชื้อเพลิงที่อ่อนแอ ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 58.02 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ -0.09%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 30.90 จุด หรือ 0.90% ปิดที่ 3,391.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ส่งสัญญาณคลี่คลายลงและทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะเดียวกันนักลงทุนรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม ในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 3,381.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.29%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 937.67/ -0.03%

- Advertisement -