KS Daily View 14 พ.ค. 2025>>> เช้านี้คาดตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเล็กน้อยต่อเนื่องจากวันที่ผ่านมาจากความคาดหวังที่ไทยอาจบรรลุดีลการค้าได้ในอนาคต หลังจากที่นาย สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐได้ส่งสัญญาณพร้อมเจรจา

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.72%, Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 1.61% ขณะที่ Dow Jones ลดลง 0.64% จากแรงหนุนของอัตราเงินเฟ้อที่ออกมาต่ำกว่าคาด และแรงซื้อเข้าในหุ้นกลุ่มชิปหลังมีรายงานว่า NVIDIA เตรียมจัดส่งชิป 18,000 ตัวให้ ซาอุดีอาระเบีย

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,214.39 จุด เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 3.45 จุด (+0.28%) หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะ DELTA, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC) และ กลุ่มปิโตรเคมีที่ปรับตัวขึ้นจาก sentiment เชิงบวกของสหรัฐและจีนได้ข้อตกลงภาษีการค้าขั้นต้น เราคาดการณ์ว่า SET Index ของไทยมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเล็กน้อยต่อเนื่องจากวันที่ผ่านมา ประเมินกรอบที่ 1,210-1,230 จากความคาดหวังที่ไทยอาจบรรลุดีลการค้าได้ในอนาคต หลังจากที่นาย สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐได้ส่งสัญญาณพร้อมเจรจา ทั้งนี้ได้เปิดเผยว่าได้รับการติดต่อพร้อมข้อเสนอที่ดีจาก อินโดนีเซีย, ไต้หวัน, รวมถึงไทย แต่อย่างไรก็ตามมองว่า ตลาดยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มของกำไรใน 1Q25 เติบโตอย่างแข็งแกร่งในระหว่างช่วงของการรายงานผลประกอบการ อย่าง BTG และ CPALL ที่รายงานผลประกอบการ 1Q25 เติบโตทั้ง YoY, QoQ และมีแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่งต่อเนื่องใน 2Q25

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. สหรัฐฯ ปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจีนแบบ de minimis (สินค้ามูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์ที่ส่งมาทางไปรษณีย์จากจีน) เหลือ 54% จากเดิมที่เคยปรับขึ้นไปถึง 120% แต่ยังคงมี ค่าธรรมเนียมคงที่ 100 ดอลลาร์ ต่อการจัดส่ง หลังจากที่สหรัฐและจีนได้ข้อตกลงภาษีการค้าขั้นต้น ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐได้เปิดเผยว่าได้รับการติดต่อพร้อมข้อเสนอที่ดีจาก อินโดนีเซีย, ไต้หวัน, รวมถึงไทย ซึ่งเรามองว่าข่าวดังกล่าวจะส่งผลบวกเชิงจิตวิทยาแก่กลุ่มส่งออก อย่าง AAI ITC DELTA
  • นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่ากรมการค้าต่างประเทศจะ ปรับปรุงบัญชีสินค้าภายใต้การเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าไทย เพื่อย้ำความมุ่งมั่นในการสร้าง ความมั่นใจด้านคุณภาพสินค้า และ ความถูกต้องตามกฎถิ่นกำเนิด สำหรับประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะสินค้าที่ส่งออกไปยัง สหรัฐอเมริกา ที่อยู่ใน รายการเฝ้าระวัง ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้เดือนมิถุนายน 2025 มองว่ามาตรการดังกล่าวอาจจำกัดการลงทุนจากนักลงทุนจีนในอนาคต โดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรม อย่าง WHA AMATA
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 2.3% YoY ในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 2.4% YoY ในขณะเดียวกันนักลงทุนในตลาดปรับคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟด จากเดือน ก.ค. เป็น เดือน ก.ย. หลังสหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าส่งผลให้ธนาคารกลางไม่จำเป็นต้องรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐอาจส่งจิตวิทยาเชิงลบเล็กน้อยกับกลุ่มการเงิน
  • รายงานกำไรกลุ่มอสังหายังคงชะลอตัวลงต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ประกอบที่ธนาคารพาณิชย์เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย หลังจากที่รายงานงบ 1Q25 พบว่า Asset quality อ่อนตัวลงโดยเฉพาะสินเชื่อบ้านจากความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ที่อ่อนแอลง  ทั้งนี้มองว่า GPM ใน 2Q25 ของกลุ่มอสังหามีแนวโน้มปรับตัวลดลง จากการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นและการระบายสต๊อกสินค้าสินค้า
  • ซาอุดีอาระเบียได้ทำข้อตกลงการลงทุนมูลค่า 600,000 ล้านดอลลาร์กับสหรัฐ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นการลงทุนใน Data center ผ่านทางบริษัท DataVolt ดำเนินธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของซาอุดีอาระเบีย มีแผนลงทุน 20,000 ล้านดอลลาร์ในศูนย์ข้อมูลปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยใช้ chip จากบริษัทในสหรัฐ มองว่าจะส่งผลบวกเล็กน้อยเชิงจิตวิทยาต่อกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ อย่าง DELTA

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • BTG: ราคาพื้นฐาน 24.70 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ BTG จากผลประกอบการ 1Q25 ที่ 2.0 พันลบ. พลิกจากผลขาดทุนสุทธิจำนวน 124 ลบ. ใน 1Q24 และเพิ่มขึ้น 100% QoQ โดยกำไรที่ออกมาสูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ 15.7% และดีกว่าของตลาด 15% ในปัจจุบันราคากากถั่วเหลืองในประเทศใน 2Q25 มีการปรับตัวลดลงไป -22%YoY, -3% QoQ ขณะที่ราคาหมูเพิ่มขึ้น +32% YoY, +12% QoQ หนุนให้แนวโน้ม GPM จะปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้เก็งการนำเข้าถั่วเหลืองและข้าวโพดจากสหรัฐเพื่อชดเชยดุลการค้าและกำแพงภาษี โดยที่ราคานำเข้าถูกกว่าราคาในประเทศ

  • CPALL: ราคาพื้นฐาน 68.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ CPALL หลังจากรายงานกำไร 1Q25 ที่ 7.6 พันลบ. (+20% YoY, +5.7% QoQ) สูงกว่าประมาณการของเราที่ 6.8 พันลบ. อยู่ 12% และสูงกว่าประมาณการของตลาดที่ 6.9 พันลบ. อยู่ 10% จากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ที่ต่ำกว่าคาด ในขณะเดียวกัน CPALL ยังคงมี SSSG ที่แข็งแกร่งในเดือนเม.ย. ประมาณ +1–2% เทียบกับกลุ่ม commerce ที่ -1.6% ทั้งนี้ บริษัทได้อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน โดยมีวงเงินสูงสุด 7.5 พันลบ. และจำนวนหุ้นสูงสุดไม่เกิน 150 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 1.67% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว จะหนุนการปรับตัวของราคาหุ้น

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของเยอรมัน (Germany CPI) เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.1% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
  • วันพฤหัสบดี ติดตามดัชนียอดค้าปลีกของสหรัฐ (US Retail sale) เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.1% MoM ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ +1.4% MoM ต่อด้วยดัชนีราคาผู้ผลิต (US PPI index) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.5% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +2.7% YoY ปิดท้ายด้วย จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.30 แสนตำแหน่งเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.28 แสนตำแหน่ง
  • วันศุกร์ ติดตามรายงานการเติบโต GDP ของญี่ปุ่น ใน 1Q25 ครั้งแรก ตลาดคาดการณ์ที่ -0.1% QoQ ชะลอตัวจากไตรมาสก่อนหน้าที่ +0.6% QoQ ต่อด้วยการายงานจำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้าง (Housing Starts) ของสหรัฐ เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.365 ล้านหลัง เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.324 ล้านหลัง ต่อด้วย รายงานใบอนุญาตก่อสร้างบ้าน (Building Permits) ของสหรัฐ เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.450 ล้านหลัง ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.467 ล้านหลัง
- Advertisement -