โนเบิล ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปี กวาดรายได้รวมกว่า 1,800 ล้านบาท กำไรเติบโต 10% เคาะดอกเบี้ยหุ้นกู้ชุดใหม่ 6% รองรับการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 1 มีรายได้รวม 1,796 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 87 ล้านบาท เติบโต 10% YoY พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ อายุ 2 ปี 11 เดือนเพื่อต่อยอดการเติบโตทางธุรกิจ ยืนยันแผ่นดินไหวที่ผ่านมาไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างอาคารของบริษัทฯ และอาคารทั้งหมดมีการทำประกันภัยครบถ้วน พร้อมดูแลลูกบ้านเป็นอย่างดี โดยล่าสุดมี Backlog กว่า 25,600ล้านบาท แผนปีนี้ตั้งเป้าเปิดตัว  4 โครงการแนวราบ พร้อมสัญญาณบวกจากมาตรการภาครัฐฯ และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง

นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท   โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการที่อยู่อาศัยในทำเลชั้นนำของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจไตรมาสแรกของปี 2568 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยต้องเผชิญความท้าทาย จากภาวะเศรษฐกิจในประเทศ นโยบายการให้สินเชื่อ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค อย่างไรก็ดี บริษัทฯ สามารถทำรายได้รวม 1,796 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 87 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 10% รวมถึงมีโครงสร้างทางการเงินที่ดีขึ้นจากการมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อส่วนทุนลดลงมาอยู่ที่ 2.03 เท่า จากการมีหนี้สินทางการเงินที่ลดลงภายหลังจากชำระคืนหุ้นกู้บางส่วนในต้นไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งด้านการเงินและการบริหารสภาพคล่องของบริษัทฯ

“ไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขายโครงการ (Pre-sale) อยู่ที่ 1,489 ล้านบาท ยอดโอนในไตรมาสแรกอยู่ที่ 1,380 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีก่อนหน้าเนื่องจากบริษัทฯ ไม่ได้มีโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนในไตรมาสที่ผ่านมา รวมถึงลูกค้าบางส่วนรอมาตรการลดค่าธรรมเนียมที่เริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป”

สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 บริษัทฯ เชื่อว่ายังคงมีปัจจัยบวกที่ช่วยสนับสนุนตลาดอสังหาฯ ให้ฟื้นตัว ได้แก่ แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงมาตรการภาครัฐ เช่น การลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับบ้านราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 ขึ้นไปที่มีมูลค่าต่ำกว่า 10 ล้านบาท และสำหรับผู้ที่ซื้อที่อยู่อาศัยหลังแรกที่มีมูลค่าตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวจะเป็นการช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น และจะทำให้ตลาดอสังหาฯ กลับมาคึกคักได้อีกครั้ง

นอกจากนี้ ในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มีโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมโอนอีก 4 โครงการ ได้แก่ นิว อีโว อารีย์, โนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ, โนเบิล ครีเอท และ นิว ริเวอร์เรสต์ ราษฎร์บูรณะ ซึ่งล่าสุดมี Backlog รวมกันกว่า 8,600 ล้านบาท โดยทั้ง 4 อาคารไม่มีปัญหาด้านโครงการจากเหตุแผ่นดินไหวแต่อย่างใด รวมทั้งบริษัทฯ มีแผนจะเปิดตัวโครงการแนวราบเพิ่มอีก 2 โครงการ โดยคาดว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีจากความต้องการที่พักอาศัยแนวราบที่เพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมออกและเสนอขาย หุ้นกู้ระยะยาวชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ โดยเป็นหุ้นกู้อายุ 2 ปี 11 เดือน มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ 6% ต่อปี เพื่อเสนอขายผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน โดยกำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ โดยเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้มีการจัดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ที่ระดับ “BBB” แนวโน้ม “Alert Negative” ซึ่งแนวโน้มเครดิตพินิจดังกล่าวเป็นมุมมองในระยะสั้นจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และทริสฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกับพิจารณาทบทวน Credit Alert อีกครั้ง หลังจากประเมินผลกระทบต่อสถานะทางธุรกิจและการเงิน ของบริษัทฯ อย่างครบถ้วนภายในเดือนมิถุนายน 2568

ทาง NOBLE เปิดให้ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน เข้าจองซื้อหุ้นกู้ดังกล่าวได้ในช่วงระหว่างวันที่ 19-21 พฤษภาคม พ.ศ. 2568  ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ จำนวน 16 แห่ง ได้แก่  1. บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด 2. บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด 3. บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด 4. บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด 5. บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) 6. บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 7. บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด 8. บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 9. บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด 10. บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) 11. บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 12. บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) 13. บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) 14. บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 15. บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด และ 16. บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

- Advertisement -