บล.กสิกรไทย:

BAM : ท้าทายกับความเป็นต่อ
  • BAM รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 ที่ 217 ลบ. ลดลง 49% YoY และ 59% QoQ น้อยกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ 49% และ 32% ตามลำดับ กำไรไตรมาส 1/2568 จึงคิดเป็น 13% ของประมาณการกำไรทั้งปีนี้ของเราซึ่งบ่งชี้ถึง downside risk ต่อประมาณการของเรา
  • คงเป้าหมายธุรกิจปี 2568 แม้ยอดจัดเก็บเงินสดไตรมาส 1/2568 จะอ่อนแอ BAM จัดการประชุมนักวิเคราะห์ประจำไตรมาส 1/2568 เมื่อวานนี้ ผู้บริหารคงเป้ายอดจัดเก็บเงินสดปี 2568 ไว้ที่ 1.78 หมื่นลบ. เทียบกับ 3.20 พันลบ. ในไตรมาส 1/2568 เนื่องจากผู้บริหารคาดว่ายอดโอนทรัพย์สินรอการขาย (NPA) และหนี้เสีย (NPL) ไตรมาส 2/2568 จะสูงถึง 3.0 พันลบ. และยอดจัดเก็บเงินสดในครึ่งแรกของปี 2568 จะสูงถึง 8.0 พันลบ.-1.0 หมื่นลบ. แต่เราคงเป้ายอดจัดเก็บเงินสดปี 2568 ของเราไว้ที่ 1.60 หมื่นลบ. เนื่องจากเราคาดว่าการโอน NPL และ NPA มูลค่าสูงในปี 2568 จะล่าช้าออกไปบ้าง เนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มอ่อนแอ
  • มุ่งเป้าไปที่นักลงทุนใน NPA มากขึ้น ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร CEO คนใหม่ของ BAM เปิดเผยกลยุทธ์ว่า BAM จะมุ่งเป้าไปที่นักลงทุนรายย่อยให้มากขึ้นเพื่อลงทุนใน NPA ของ BAM เพื่อเพิ่มยอดขายในช่วงไตรมาส 2-3 ของปีนี้ โดยมองว่า BAM จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนรายย่อยที่มีมูลค่าสุทธิสูงสูง และจะเปิดตัวแคมเปญการตลาดสำหรับลูกค้าเป้าหมายในช่วงไตรมาส 2-3/2568
  • ร่วมมือกับบริษัทพัฒนาอสังหาฯ มากขึ้น BAM ยังมีแผนจะร่วมมือกับบริษัทพัฒนาอสังหาฯ อีก 3-5 ราย ด้วยรูปแบบธุรกิจใหม่ เนื่องจากบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ที่เป็นพันธมิตรจะสามารถซื้อสินทรัพย์ของ BAM ได้ล่วงหน้า และปรับปรุง/ดัดแปลงสินทรัพย์เพื่อขายต่อก่อนชำระเงินให้ BAM ผู้บริหารคาดว่าแผนดังกล่าวจะดึงดูดบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ได้มากขึ้น และจะช่วยเพิ่มยอดขาย NPA และ NPL ขนาดใหญ่ได้
  • ปรับเปลี่ยนรูปแบบการปรับโครงสร้างหนี้แก่ลูกค้า เพื่อกระตุ้นการจัดเก็บเงินสดอย่างยั่งยืน CEO คนใหม่ของ BAM ยังเน้นว่า บริษัทฯ จะเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการแผนการปรับโครงสร้างหนี้สำหรับลูกค้ารายย่อย จากเดิมที่มีตารางการชำระหนี้แบบก้อนเดียว (bullet repayment) มาเป็นแบบขั้นบันได โดยเชื่อว่าโปรแกรม TDR ใหม่จะช่วยให้ลูกค้าสร้างโปรไฟล์ที่ดีให้กับ NCB ได้ และช่วยให้ลูกค้าสามารถรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินได้ และลดระยะเวลาการชำระหนี้ของ BAM
  • คาดกำไรไตรมาส 2/2568 จะปรับดีขึ้น แต่แนวโน้มยังคงท้าทาย เรามองว่ากำไรไตรมาส 2/2568 จะปรับตัวดีขึ้น QOQ จากยอดจัดเก็บเงินสดจากทั้ง NPL และ NPA เพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจาก backlog ของ NPL และ NPA ขนาดใหญ่จำนวนมากที่รอการโอนในไตรมาสนี้ และได้รับประโยชน์จากมาตรการ LTV ของรัฐบาล และการยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอน แต่เรามองว่าแนวโน้มกำไรปี 2568 ยังไม่น่าดึงดูดใจนัก เนื่องจากคาดว่าจะมีอุปสรรคจากอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่สูง และการโอนที่ล่าช้าหลังเหตุแผ่นดินไหวเมื่อเดือน มี.ค.
  • แนะนำ “ถือ” TP ที่ 5.80 บาท จากแนวโน้มกำไรที่คาดว่าจะเติบโตไม่มากนักในปีนี้ และอัตราตอบแทนเงินปันผลที่ 6%

- Advertisement -