KS Daily View 22 พ.ค. 2025>>> คาดการณ์ว่า SET Index ของไทยมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในกรอบ 1,165-1,195 จากตลาดหุ้นไทยยังไม่ได้มีปัจจัยใหม่เข้ามา ขณะที่ภาพของเศรษฐกิจระยะกลางถึงยาวยังมีความท้าทาย แนะนำ PRM และ GULF
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง ดัชนี S&P500 ลดลง 1.61%, Nasdaq Composite ลดลง 1.41% และ Dow Jones ลดลง 1.91% ปรับลดลงต่อเนื่องจากวันที่ผ่านมา จากตลาดยังคงกังวลเรื่องหนี้รัฐบาลสหรัฐอาจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลัง หากรัฐสภาผ่านร่างกฎหมายลดหย่อนภาษีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เสนอ
ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,179.81 จุด ลดลง 9.33 จุด (-0.78%) จากการปรับตัวลดลงของกลุ่มค้าปลีก, ธนาคาร, และอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าการปรับตัวลดลงของกลุ่มค้าปลีกจาก QTD SSSG ที่ชะลอตัวจากไตรมาสที่ผ่านมาประกอบกับความกังวลทางเศรษฐกิจโดยที่ private consumption มีแนวโน้มชะลอตัวใน 2H25 และการเลื่อนอย่างไม่มีกำหนดของโครงการแจกเงินหมื่นเฟสสาม เราคาดการณ์ว่า SET Index ของไทยมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในกรอบ 1,165-1,195 จากตลาดหุ้นไทยยังไม่ได้มีปัจจัยใหม่เข้ามา ขณะที่ภาพของเศรษฐกิจระยะกลางถึงยาวยังมีความท้าทายจากความไม่แน่นอนของภาษีการค้า ในขณะเดียวกันประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ได้รายงานตัวเลขส่งออก เดือน พ.ค. ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เริ่มเห็นผลกระทบของมาตรการขึ้นภาษีจากสหรัฐ ด้วยสภาพแวดล้อมการลงทุนตึงตัว
เราจึงแนะนำการลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะและกลุ่ม Defensive แนะนำ PRM และ GULF
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- ยูเครนมีการเรียกร้องให้สหภาพยุโรปเพื่อให้ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้นและขยายผลคว่ำบาตรไปยังผู้ซื้อพลังงานรัสเซีย เช่น จีนและอินเดีย ขณะที่สหรัฐฯภายใต้ประธานาธิบดีทรัมป์มีท่าทีลดบทบาทในการใช้มาตรการคว่ำบาตรและถอนตัวจากกลไกระหว่างประเทศด้านนี้ มองว่าหากมีมาตรการค่ำบาตรเพิ่มเติมจากทาง EU ต่อรัสเซียอาจหนุนให้ราคาพลังงานปรับตัวขึ้น
- จากแหล่งข่าวของ Reuter มีการรายงานว่า ปริมาณน้ำมันที่ถูกเก็บไว้ในเรือบรรทุก (floating storage) เพิ่มขึ้นถึง 14% ภายในเดือนเดียว สูงสุดในรอบ 2 ปี โดยเฉพาะน้ำมันดิบจากอิหร่านและรัสเซียซึ่งคิดเป็นสัดส่วนหลัก สะท้อนถึงการหาซื้อไม่ทันและอุปสงค์ที่ชะลอลง ในขณะที่ OPEC+ ยังเดินหน้าผลิตเพิ่ม หากแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อไป ราคาน้ำมันมีแนวโน้มต้องปรับลดลง ทั้งนี้ข้อมูลล่าสุดจาก IEA และดาวเทียมของ Kayrros บ่งชี้ว่าปริมาณน้ำมันคงคลังทั่วโลกกำลังพุ่งขึ้น โดยเฉพาะในจีนที่มีการกักตุนถึงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.127 พันล้านบาร์เรล มองเป็นบวกกับ PRM จากความต้องการ floating storage ที่เพิ่มขึ้น
- รัฐต่างๆ ของสหรัฐฯ จำนวน 12 รัฐ รวมถึงนิวยอร์ก อิลลินอยส์ และโอเรกอน ยื่นฟ้องต่อศาลการค้าระหว่างประเทศในแมนฮัตตันเพื่อขอให้ระงับ “ภาษี Liberation Day“ ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศใช้ โดยอ้างว่าเขาใช้อำนาจเกินขอบเขตตามกฎหมายภาวะฉุกเฉินด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (IEEPA) ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่ไม่ปกติ ไม่ใช่เพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลการค้า ซึ่งการขึ้นภาษีส่งผลให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกกับหุ้นกลุ่มส่งออกอย่าง AAI ITC ASIAN TU DELTA KCE HANA
- เกาหลีใต้รายงานยอดส่งออกช่วง 20 วันแรกของเดือนพ.ค. ปรับตัวลง 2.4% YoY จากอุปสงค์จากสหรัฐฯที่ลดลงจากการมาตรการภาษีโดยที่ยอดส่งออกไปยังสหรัฐฯ ร่วงลง 14.6% YoY ในส่วนของยอดส่งออกเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นสูงขึ้น 17.3% มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกระยะสั้นกับกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์อย่าง DELTA HANA อย่างไรก็ตามคาดว่ายอดคำสั่งซื้อของกลุ่มอาจเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องใน 2Q25 ก่อนหมดช่วงผ่อนปรนและอาจเห็นยอดคำสั่งซื้อชะลอตัวใน 3Q25 ทั้งนี้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าใน 2Q25 จะกดดันอัตรากำไรขึ้นต้นในไตรมาสนี้
- รัฐมนตรีต่างประเทศโอมานกล่าวว่าจะมีการเจรจารอบใหม่ระหว่างอิหร่านและสหรัฐเกี่ยวกับประเด็นนิวเคลียร์ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ประกอบกับสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ในระดับ 900,000 บาร์เรล ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงมองเป็นลบกับกลุ่มพลังงาน PTTEP TOP SPRC BCP
- ผู้บริหารปตท. เปิดเผยว่าปตท. มีแผนนำเข้าแอลเอ็นจีและ อีเทนหลายพันลบ. ในช่วง 15 ปีจากอลาสกาที่เป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับสหรัฐฯ
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- PRM: ราคาพื้นฐานที่ 10.34 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกกับ PRM หลังจากที่รายงานผลประกอบการหลักใน 1Q25 อยู่ที่ 567 ลบ. เพิ่มขึ้น 43% QoQ และ 5% YoY จากการกลับมาให้บริการของเรือ 3 ลำหลังจากเข้าอู่ในไตรมาสที่ผ่านมาและรายได้ธุรกิจสนับสนุนงานนอกชายฝั่งที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้คาดว่าแนวโน้มของกำไรใน 2Q25 ยังคงแข็งแกร่งหลังเริ่มดำเนินการเรือ FSU ลำใหม่ที่เพิ่งเข้าซื้อมาในไตรมาสนี้ และคาดการณ์ความต้องการใช้เรือบรรทุกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากผลกระทบของการคว่ำบาตรรัสเซีย
- GULF: ราคาพื้นฐาน 61.00 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ GULF จากแนวโน้มผลประกอบการใน 1Q25 คาดว่าจะเติบโตขึ้นทั้ง YoY, QoQ หนุนด้วยการ COD ของไฟฟ้า GPD units 3-4 และ HKP unit 2 รวม 2,070 Mega Watt ในปีที่ผ่านมา รวมถึงส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก ADVANC ที่รายงานกำไร 1Q25 ที่ออกมาดีกว่า คาดการณ์ไว้ 8.8% ทั้งนี้หลังควบรวมกิจการกับ INTUCH จะหนุนให้ leverage ratios สัดส่วนหนี้สินต่อทุนของ GULF ลดลงจาก 2.2 เท่า มาอยู่ที่ต่ำกว่า 1.0 เท่าทำให้สามารถใช้กู้ได้เพิ่มขึ้นเพื่อระดมทุนสำหรับโครงการใหม่ อีกทั้ง TRIS ได้เพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ จาก “A+” เป็น “AA-” ที่จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของเงินกู้และหุ้นกู้ใหม่ในอนาคตจะลดลง
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันพฤหัสบดี ติดตามยอดขายรถใหม่ของประเทศไทย (New car sales) เดือน เม.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 55,789 คัน ต่อด้วยตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของโซนยุโรปเบื้องต้น (HCOB Manufacturing PMI Flash) เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 49.3 จุดเร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 49.0 จุด และการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของสหรัฐ (S&P Global US Manufacturing PMI Flash) เดือน พ.ค. โดยตลาดคาดการณ์ที่ 49.8 จุดชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้ารายงานที่ 50.2 จุด ต่อด้วยจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดคาดการณ์ที่ 2.30 แสนตำแหน่งเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.29 แสนตำแหน่ง
วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่น (Japan Inflation) เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 3.6% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า และเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ตลาดคาดการณ์ที่ 3.0% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.9% YoY ปิดท้ายด้วยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐรายงานตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ (New home sale) เดือน เม.ย. ตลาดคาดที่ 6.90 แสนหลังชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 7.24 แสนหลัง