Daily Focus รีบาวด์อ่อนๆ

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ได้รับแรงส่งที่เป็นลบจากตลาดต่างประเทศในคืนก่อนหน้า จาก Bond yields สหรัฐที่พุ่งสูง ดอลลาร์อ่อนค่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวบวกได้เพียงชั่วโมงแรกของการซื้อขาย หลังจากนั้นปรับลงอย่างต่อเนื่องโดยมีกลุ่มการแพทย์ฉุดตลาด ร่วมด้วยกลุ่มค้าปลีก ไฟแนนซ์ และอสังหาฯ สิ้นวันดัชนีปิดลบ 6.44 จุด ปิดที่ 1,173.37 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางลง 38.6 พันลบ. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นมากขึ้นเป็น 1.4 พันลบ. (และ Long Index Futures สุทธิมากขึ้นเช่นกัน 5.4 พันสัญญา) สวนทางกับนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ขายสุทธิต่อเนื่องอีก 955 ลบ.

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีโอกาส technical rebound อ่อนๆ ในระยะสั้น หลังจากปรับลงติดต่อกันหลายวัน และนักลงทุนต่างชาติยังซื้ออยู่ โดยมองกรอบ 1,170 ถึง 1,185–1,190 จุด กลุ่มน้ำมันและพลังงานอาจช่วยประคองตลาดได้ หลังราคาน้ำมันดิบโลกขยับบวก หลัง OPEC+ วางแผนเพิ่มการผลิต ส่วนภาพตลาดหุ้นระยะกลางยังมองซึมลง ตลาดโดยรวมยังไร้ปัจจัยใหม่ ไม่ว่าเป็นการเจรจาการค้ากับประเทศต่างๆ ที่คืบหน้าช้า ขณะเดียวกัน 2Q25 เข้าสู่ฤดู low season ของหลายธุรกิจ รวมถึงภาคท่องเที่ยว และกำลังซื้อในประเทศที่อ่อนแรง เน้นเลือกหุ้น Defensive ที่มีแนวโน้มกำไรแข็งแกร่งและมั่นคง โดยเฉพาะสินค้า/บริการจำเป็นที่ราคายัง Laggard มีแนวโน้มทนต่อความผันผวนของตลาดได้ดีกว่า

กลยุทธ์ : ยังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2Q25–2025 แข็งแกร่ง โดยเน้นกลุ่มสินค้าและบริการจำเป็นท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ

หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : CPALL, MTC, NSL, OSP, PR9
FSSIA Portfolio : BA, BTG, CPALL, KBANK, MTC, NSL, PR9, STECON

หุ้นเด่นวันนี้ : MINT

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 45 บาท

  • เป็นหุ้นโรงแรมที่แข็งแกร่งท่ามกลางการท่องเที่ยวของไทยที่เข้าสู่ low season เพราะการจองห้องพักในยุโรปและมัลดีฟส์ที่สูงใน 2Q25 โดย RevPar เดือนเม.ย. ในยุโรปโต 2-3% y-y เดือนพ.ค. โตใกล้ 10% y-y ส่วนโรงแรมในมัลดีฟส์โตเป็นเลขสองหลัก ธุรกิจอาหารมี SSSG เป็นลบในเดือนเม.ย. และเริ่มเป็นบวกในพ.ค.

  • เตรียมชำระคืนหนี้ยูโร 200 ล้านยูโร ซึ่งจะทำให้หนี้ที่มีดอกเบี้ยปัจจุบัน 9.57 หมื่นลบ. ลดลง และตั้งเป้าลด Net IBD/E ลงเป็น 0.75x สิ้นปี 2025 จากปัจจุบัน 0.83x

  • แนวรับ 23-24 บาท แนวต้าน 27.50 // 29.50 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติพลิกมาไหลออกจากภูมิภาคเล็กน้อย US$17 ล้าน เป็นการไหลออกจากเกาหลีใต้ US$202 ล้าน และฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นไหลออกต่อเนื่อง US$9 ล้าน สำหรับไต้หวันยังไหลเข้าต่อเนื่อง US$108 ล้าน ประเทศใน TIPs กระแสเงินทุนไหลเข้าอินโดนีเซียต่อเนื่อง US$38 ล้าน และไหลเข้าไทยเพิ่มขึ้นเป็น US$43 ล้าน ส่วนเวียดนามไหลเข้าเล็กน้อย US$4 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะไหลออกบางๆ เราคาดว่าภูมิภาคเอเชียมีโอกาสเป็น safe haven ที่จะไหลออกจากสหรัฐในระยะถัดจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ ทั้งนี้ ยังต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าต่อไป

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) OSP ส่วนแบ่งตลาดยังขยับขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือน แนวโน้มกำไร 2Q25 ดูดีกว่าที่เคยคาด โดยส่วนแบ่งการตลาดเดือนเม.ย. ขยับขึ้น 0.6% m-m เป็น 45% และดีขึ้นจาก 44.5% ในเดือนธ.ค. แม้ 12 บาทแชร์ปรับลงบ้าง แต่ 10 บาทปรับขึ้นมากพอ ทำให้ภาพรวมส่วนแบ่งตลาดยังปรับขึ้นได้ตามแผน มูลค่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเดือนเม.ย. ยังโต 2% y-y และทำให้ 4MTD +3.2% y-y แม้ปรับลดเป้ารายได้ปี 2025 เป็นโต 2–5% y-y จากเดิม 5% y-y จากผลของการ lean stock 12 บาท แต่แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้น 2Q25 ยังทรงหรืออ่อนลง q-q คาดกำไรปกติ 2Q25 ลุ้นทรงตัว q-q และโต 8% y-y ดีกว่าที่เคยคาด ราคาเป้าหมาย 24 บาท ยังแนะนำซื้อ

(+) SAPPE ภาพระยะสั้นดูดีขึ้น ส่วนภาพยาวติดตามกันต่อ แม้ผู้บริหารปรับลดเป้ารายได้รวมปี 2025 ลงเป็น -10–20% y-y โดยระยะสั้นแนวโน้มรายได้ 2025 จะยังลด y-y เพราะฐานสูงในปีก่อน แต่จะกลับมาฟื้น q-q ได้ทุก region คาดกำไร 2Q25 จะฟื้น q-q แต่ยังลด y-y และยังคาดกำไรทั้งปี 2025 อยู่ที่ 995 ลบ. (-21% y-y) แต่ราคาหุ้นปรับลงมาค่อนข้างมาก ขณะที่โมเมนตัมของกำไรจะกลับมาฟื้นใน 2Q25 เรามองว่าน่าซื้อเก็งกำไรตามงบที่ฟื้น (จากเดิม ถือ) กอปรกับราคาหุ้นปรับลงมามาก และติดตามดูต่อใน 2H25

(+) MOSHI เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2025–2027 ขึ้น 13% เพื่อสะท้อน SSSG ที่แข็งแกร่งกว่าคาดจากผลการออกสินค้าใหม่มากกว่าปกติ และผลพ่วงจากการเปิดสาขาที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กำลังซื้อที่อ่อนแอจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและการแข่งขันจากสินค้านำเข้ากระทบจำกัดเพราะบริษัทออกแบบสินค้าเอง และจ้างโรงงานจีนผลิตเพื่อนำเข้า คาดกำไรสุทธิปี 2025 +26% y-y ราคาเป้าหมายใหม่ 55 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) CK Backlog ปัจจุบันยืนระดับสูง 2 แสนลบ. บริษัทคงเป้าปีนี้รายได้ก่อสร้าง 4–4.5 หมื่นลบ. โต 7–20% y-y สอดคล้องกับคาดการณ์เรา 4 หมื่นลบ. และ GPM มากกว่า 7% แนวโน้มกำไร 2Q25 คาดเร่งขึ้น q-q นอกเหนือจากธุรกิจก่อสร้างที่ไปได้ดี ยังมีแรงหนุนจากการรับรู้เงินปันผลรับจาก TTW และส่วนแบ่งกำไรจาก CKP ที่เร่งขึ้นจาก High Season คงประมาณการกำไรปีนี้ 1.5 พันลบ. +4% y-y และราคาเป้าหมาย 20 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) SC ยอด Presales 2QTD ฟื้นตัวเป็น 3 พันลบ. หรือทำได้แล้ว 77% ของ 1Q25 ซึ่งเป็นฐานต่ำ บริษัทตั้งเป้า Presales 2Q25 ที่ 5.5 พันลบ. +40% q-q, -10% y-y ซึ่งเปิดตัวแนวราบใหม่มากขึ้นเป็น 5 โครงการ จาก 1 แห่งใน 1Q25 เราคาดกำไร 2Q25 จะยังลดลง y-y แต่ฟื้นตัว q-q จากยอดโอนที่เร่งขึ้นตามยอดขาย ขณะที่ 2H25 คาดดีขึ้น h-h จากการเปิดตัวโครงการมากขึ้นใน 2Q–4Q25, การเน้นขายสต็อก รวมถึงมีโอกาสบันทึกกำไรพิเศษจากการเซ็น JV คอนโดและโรงแรมรวม 4 แห่ง ราคาหุ้นปรับลงมาก แต่ระยะสั้นขาด Catalyst อีกทั้งประมาณการกำไรปกติปีนี้ +11% y-y ยังมีความท้าทาย คงคำแนะนำ “ถือ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 1.35 จุด หรือ -0.003%, ปิดที่ 41,859.09 จุด ปิดขยับลงเล็กน้อยท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายภาษีและงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานะการคลังของสหรัฐฯ ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น ขณะที่ข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจที่อ่อนแอของยูโรโซนยิ่งทำให้บรรยากาศการซื้อขายซบเซา

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก รับการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในภูมิภาค

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าอยู่ที่บริเวณ 32.82 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.33%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 37 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 61.20 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส กำลังหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มผลิตน้ำมันในเดือนก.ค. ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 60.74 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.75%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 18.50 ดอลลาร์ หรือ 0.56% ปิดที่ 3,323.60 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 3,327.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 0.13%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 923.89 ตัน /  0.44%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

23 พ.ค.ไทย: ส่งออก (เม.ย.)/ ญี่ปุ่น: เงินเฟ้อ (เม.ย.)

อังกฤษ: ยอดค้าปลีก (เม.ย.)

สหรัฐ: New Home Sales (เม.ย.)

24 พ.ค.สหรัฐ: Fed Chair Powell Speech
27 พ.ค.Enăg: Durable Goods Orders (เม.ย.) // ฝรั่งเศส: เงินเฟ้อ (เม.ย.)
28 พ.ค.สหรัฐ: ประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี //

ฝรั่งเศส: 1Q25 GDP growth

- Advertisement -