KS Daily View 23 พ.ค. 2025>>> คาดการณ์ว่า SET Index ของไทยมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงจากกลุ่มพลังงานที่อาจได้รับผลกระทบของ OPEC+ กำลังพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แนะนำ OSP และ PR9

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวผสมผสาน ดัชนี S&P500 ลดลง 0.04%, Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น +0.28% และ Dow Jones ปิดทรงตัวจากวันที่ผ่านมา หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐผ่านร่างกฎหมายภาษี State and local tax (SALT) จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐลดลงเล็กน้อยหลังจากแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2023

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,173.37 จุด ลดลง 6.44 จุด (-0.55%) จากการปรับตัวลดลงของกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงหลังจากที่สหรัฐและอิหร่านจะมีการหารือเพิ่มเติมในเรื่องพลังงานนิวเคลียร์ ตามมาด้วยการปรับลดลงของกลุ่มโรงพยาบาล ในวันนี้เราคาดการณ์ว่า SET Index ของไทยมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงเล็กน้อย ประเมินกรอบ 1,155-1,185  หลังจากที่ OPEC+ กำลังพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตรอบที่ 3 อาจหนุนให้กลุ่มพลังงานปรับตัวลดลง และภาพเชิงลบจากต่างประเทศหลังจากที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมาจากความกังวลหนี้สาธารณะอาจปรับตัวขึ้นในอนาคตหลังผ่านกฎหมายร่าง SALT ที่จะส่งภาพเชิงลบต่อตลาดทุน ประกอบกับการเมืองของไทยเริ่มเข้ามามีบทบาทและความไม่แน่นอน ด้วยสภาพตลาดที่อาจมีความผันผวนในระหว่างวัน

เราจึงแนะนำการลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะและกลุ่ม Defensive แนะนำ OSP และ PR9

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. OPEC+ กำลังพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีก 411,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนก.ค. หากอนุมัติจะเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันที่มีการผลิตเพิ่มขึ้นเพื่อลงโทษสมาชิกที่ฝ่าฝืนโควตา แม้ว่าราคาน้ำมันที่เคยร่วงจากผลกระทบสงครามการค้าจะเริ่มฟื้นตัว แต่ IEA คาดว่า ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกจะชะลอลงในช่วงครึ่งปีหลังเนื่องจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจ มองเป็นลบต่อ PTTEP SPRC BCP TOP
  2. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้น โดยอายุ 30 ปีแตะ 5.138% และอายุ 10 ปีแตะ 4.613% หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ อนุมัติร่างกฎหมายการเพิ่มเพดานหักภาษี SALT เป็น 40,000 ดอลลาร์ ที่อาจส่งผลให้เพิ่มภาระหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ อีก 3–5 ล้านล้านดอลลาร์ จากระดับปัจจุบันที่ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์ในอนาคต มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกกับกลุ่มประกัน BLA TLI
  3. BA แจ้งว่าคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน โดยจะดำเนินการซื้อผ่านตลาดหลักทรัพย์จำนวนไม่เกิน 64,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 3.05% ของหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดใช้งบประมาณไม่เกิน 1 พันลบ.
  4. สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของไทยล่าสุดมีฐานะดีขึ้น โดยบัญชีน้ำมันพลิกกลับมาเป็นบวกที่ +773 ลบ.ขณะที่บัญชีแอลพีจียังติดลบหนักที่ -4.5 หมื่นลบ. จากนโยบายตรึงราคาเพื่อช่วยเหลือประชาชน ทั้งนี้การฟื้นตัวของบัญชีน้ำมันเกิดจากราคาน้ำมันโลกที่ลดลงต่อเนื่องและการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนจากผู้ใช้น้ำมัน มองเป็นบวกต่อ OR และ PTG จากสถานะบวกของกองทุนที่อาจหนุนให้รัฐไม่เร่งเก็บจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันกดดัน Marketing margin
  5. ยอดการผลิตรถยนต์ไทยเดือนเมษายน 2025 อยู่ที่ 104,250 คัน ต่ำสุดในรอบ 44 เดือน ลดลง 19.75% QoQ และ 0.40% YoY ส่งผลให้ยอดการผลิต YTD ลดลง 11.96% YoY ฉุดโดยการผลิตรถยนต์นั่งสันดาปภายในและรถกระบะยังลดลงจากการส่งออกและยอดขายภายในประเทศที่หดตัว  ขณะที่ยอดขายในประเทศเมษายนอยู่ที่ 47,193 คัน ลดลง 15.42% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 0.97% YoY จากแรงหนุนของ EV ขณะที่รถกระบะยังคงขายลดลงจากภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอและหนี้ครัวเรือนสูง มองเป็นลบกับ AH และ SAT

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • OSP: ราคาพื้นฐานที่ 20.60 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกกับ OSP มากขึ้นหลังจากส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของ OSP ในเดือนเม.ย.อยู่ที่ 45.0% (+10 bps MoM, -30 bps YoY) เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกันจากระดับต่ำสุดที่ 44.5% ในเดือนธ.ค. 2024 และอัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 39–40% ในปี 2025 จากโครงสร้างรายได้ที่ดีขึ้นและประสิทธิภาพด้านต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยมูลค่าหุ้นปัจจุบัน OSP ซื้อขายอยู่ด้วย PER ปี 2025 ที่ 15.4 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 2SD

  • PR9: ราคาพื้นฐานที่ 27.90 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ PR9 จากผลประกอบการใน 1Q25 ที่เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ขณะที่แนวโน้มใน 2Q25คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องทั้ง YoY, QoQ จากการกลับมาของผู้ป่วยตะวันออกกลางมากขึ้นหลังจากผ่านช่วงรอมฎอนไปแล้วใน 1Q25 ในขณะเดียวกันผู้บริหารได้ให้มุมมองเชิงบวกว่าคุณภาพการรักษาและการตั้งราคาที่เหมาะสมเป็นข้อได้เปรียบสำคัญของ PR9 จะส่งผลให้รายได้จากคนไข้ต่างชาติเติบโตต่อเนื่องจาก 1Q25 ที่ทำได้อย่างแข็งแกร่งที่ระดับ 88% YoY

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่น (Japan Inflation) เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 3.6% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า และเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ตลาดคาดการณ์ที่ 3.0% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.9% YoY ปิดท้ายด้วยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐรายงานตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ (New home sale) เดือน เม.ย. ตลาดคาดที่ 6.90 แสนหลังชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 7.24 แสนหลัง
- Advertisement -