Daily Focus: สถานการณ์ภาษีทรัมป์ กลับไปกลับมา
ตลาดหุ้นวานนี้: SET Index ปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างแรงในช่วงเปิดตลาด ตอบรับเชิงบวกต่อข่าวศาลการค้าสหรัฐฯ ตัดสินว่าการเก็บภาษีตอบโต้ของทรัมป์ผิดกฎหมาย รวมถึงสั่งยุติการบังคับใช้ อย่างไรก็ตามดัชนีเผชิญแรงขายและทยอยอ่อนตัวลงมาปิดบวกเหลือเพียง 3.27 จุด ที่ระดับ 1,164.01 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.5 หมื่นลบ. โดยกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะ DELTA ช่วยหนุนตลาด สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 457 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิ 1.5 พันลบ. (และ Short Index Futures 1 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้: เราคาด SET Index จะแกว่ง Sideways to Sideways Down โดยต้องติดตามแนวรับหลัก 1,160 จุด ว่าจะยืนอยู่หรือไม่ หลังศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ระงับคำตัดสินของศาลการค้า ทำให้ทรัมป์ยังเดินหน้าเก็บภาษีได้ต่อในระยะสั้น นอกจากนี้คาดยังเห็นความผันผวนของหุ้นขนาดใหญ่และปริมาณการซื้อขายที่สูงช่วงปลายตลาดจาก MSCI Rebalance ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ GDP 1Q25 (2nd Est) -0.2% q-q SAAR ดีกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ภาคการบริโภคและการนำเข้ายังเป็นปัจจัยกดดันจากความกังวลผลกระทบจากภาษีการค้า ด้านปัจจัยในประเทศวันนี้ ธปท. จะรายงานภาวะเศรษฐกิจเดือนเม.ย. ซึ่งคาดชะลอตัว ขณะที่การพิจารณางบประมาณปี 69 วาระแรกจะแล้วเสร็จในสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งเราคาดว่าจะไม่มีปัญหาและผ่านสภาฯ ได้
ภาพรวมตลาดหุ้นไทยโดยรวมยังคงไร้ปัจจัยบวกใหม่ที่ชัดเจน ปัจจัยกดดันหลักนอกเหนือจากความเสี่ยงจากผลกระทบของภาษีทรัมป์ คือเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอจากความเชื่อมั่นที่ลดลง ขาดมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ ฤดูฝนที่มาเร็ว และนักท่องเที่ยวที่ลดลง กรณีดัชนีหลุดแนวรับ 1,160 จุด จะเสี่ยงปรับตัวลงหาระดับ 1,120–1,130 จุด ยังเน้นกลยุทธ์ Bottom-Up เลือกลงทุนในหุ้นที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว
กลยุทธ์: ยังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2Q25–2025 แข็งแกร่ง โดยเน้นกลุ่มสินค้าและบริการจำเป็นท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและไม่แน่นอน
หุ้นเด่นเดือน พ.ค.: CPALL, MTC, NSL, OSP, PR9
FSSIA Portfolio: BA, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, PR9, STECON
หุ้นเด่น Finansia 30 พ.ค. 25 : PR9
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 30 บาท
- หลังจากประกาศกำไร 1Q25 ออกมาดีกว่าคาดเล็กน้อย เราคาดว่าแนวโน้มกำไร 2Q25 แม้จะชะลอ q-q จากปัจจัยฤดูกาล แต่คาดยังเติบโตได้ดี y-y หนุนจากผู้ป่วยต่างชาติที่คาดว่ายังเติบโตแกร่งจากฐานที่ยังไม่สูง เนื่องจากเพิ่งเริ่มทำตลาดปีก่อน เราคาดกำไรปกติปี 2025 ที่ 816 ลบ. +15% y-y เติบโตดีเป็นอันดับต้นๆของโรงพยาบาลขนาดกลาง-ใหญ่ ขณะที่การระบาดของโควิดคาดเป็น Sentiment บวกหนุนอ่อนๆระยะสั้น
Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติพลิกมาไหลออกจากภูมิภาคสุทธิ US$425 ล้าน เม็ดเงินไหลออกจากไต้หวัน US$575 ล้าน แต่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$210 ล้าน ขณะที่ฝั่งอาเซียนเม็ดเงินไหลออกสูงสุดที่ไทย US$47 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะผสมผสานและค่อนไปในทิศทางไหลออกหลังศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ระงับคำตัดสินของศาลการค้า โดยให้มาตรการภาษีทรัมป์ยังดำเนินต่อไปได้ถึงวันที่ 9 มิ.ย. เป็นอย่างน้อย
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) กลยุทธ์ลงทุนตลาดหุ้นไทย: นักลงทุนยังต้องติดตามพัฒนาการด้านภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการตัดสินคดีของศาลการค้า รวมถึงเงินทุนอาจไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงแต่น่าจะยังจำกัดสำหรับประเทศไทย ขณะที่เศรษฐกิจไทยและการเติบโตของกำไร บจ. ในช่วง 2Q25–2H25 คาดว่าจะชะลอตัวจากความมั่นใจที่ลดลง และยังเห็น Downside ต่อประมาณการ EPS ของ SET ในปัจจุบัน
SET target ปี 2025 ของเราที่ 1,180 จุด อาจสูงขึ้นเป็น 1,230–1,300 จุด ถ้าภาษีนำเข้าลดลงหรือถูกยกเลิกหมด ดังนั้นเราจึงแนะนำให้นักลงทุนใช้กลยุทธ์ Bottom-Up โดยเน้นบริษัทที่มีแนวโน้มกำไรดีและความชัดเจน และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หุ้นเด่น: BA, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, PR9, STECON
(+) EPG รายงานกำไรสุทธิ 4QFY25 (ม.ค.–มี.ค. 2025) ที่ 248 ลบ. +51% q-q และ +61.5% y-y ตามคาด จากการตั้งสำรอง ECL ที่ลดลง SG&A และต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลง อย่างไรก็ตาม กำไรปกติที่ไม่รวม FX และ ECL อยู่ที่ 388 ลบ. +87.6% q-q และ +28% y-y ดีกว่าที่เราคาด 29% หลักๆ มาจากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงมากกว่าคาดอย่างมีนัยสำคัญ Operation โดยรวมเป็นไปตามคาด และการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของกำไรปกติ หนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ ช่วยชดเชยรายได้รวมที่ลดลงจากธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์และธุรกิจ EEP จบปี FY2025 มีกำไรสุทธิ 799 ลบ. -33% y-y แรงกดดันหลักมาจากการตั้งสำรอง ECL และ FX loss ส่วนกำไรปกติอยู่ที่ 1.3 พันลบ. -11.6% y-y ราคาเป้าหมาย 4 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(0) MSCI Rebalance มีผลราคาปิดวันนี้
MSCI Global Standard Index
หุ้นเข้า: ไม่มี
หุ้นออก: BEM, CRC, KTC
MSCI Small Cap Index
หุ้นเข้า: AWC, BEM
หุ้นออก: AURA, BPP, DOHOME, GUNKUL, JAS, JMART, M, PRM
MSCI Global Micro Cap
หุ้นเข้า: ไม่มี
หุ้นออก: ไม่มี
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 117.03 จุด หรือ +0.28%, ปิดที่ 42,215.73 จุด ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดบวกเช่นกัน ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัท Nvidia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนซึมซับรายงานข่าวที่ว่าศาลอุทธรณ์ของสหรัฐฯ ได้ระงับคำตัดสินของศาลการค้าสหรัฐฯ ที่สั่งให้มีการระงับใช้มาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลดลง หลังแรงหนุนจากการที่ศาลการค้าของสหรัฐฯ สั่งระงับมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มจางหายไป
(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ หลังมาตรการภาษีศุลกากรของโดนัลด์ ทรัมป์สามารถกลับมาเก็บได้ชั่วคราวระหว่างการอุทธรณ์คำตัดสิน
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าอยู่ที่บริเวณ 32.59 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -0.39%
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 90 เซนต์ หรือ 1.46% ปิดที่ 60.94 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่นักลงทุนประเมินรายงานข่าวที่ว่าศาลการค้าของสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันเสาร์นี้ (31 พ.ค.) โดยคาดว่าที่ประชุมจะมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนก.ค.
ในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 60.85 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.15%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 21.50 ดอลลาร์ หรือ 0.65% ปิดที่ 3,343.90 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 3,338.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.16%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 930.20 / +0.50
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
30 พ.ค. | สหรัฐ: Core PC Price Index (เม.ย.) |
31 พ.ค. | จีน: NBS Manufacturing PMI (พ.ค) กลุ่มโอเปก: OPEC meeting |
2 ก.ค. | สหรัฐ: ISM Manufacturing PMI (พ.ค.) |
3 ก.ค. | ยุโรป: เงินเฟ้อ (พ.ค.) จีน: Caixin Manufacturing PMI (พ.ค.) สหรัฐ: JOLTs Job openings (เม.ย.) |