บล.กสิกรไทย:

กลุ่มเครื่องสำอาง กำไรปกติรวม 1Q68 ที่ 225 ลบ. เพิ่มขึ้น 8.5% YoY และ 10% QoQ คาดกำไร 2Q68 โตขึ้น YoY แต่คาดจะลดลง QoQ

มุมมองหลังการประชุมนักวิเคราะห์

  • กำไรปกติรวมไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 225 ลบ. เพิ่มขึ้น 8.5% YoY และ 10% QoQ จากยอดขายและ GPM ที่สูงขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A ยังมีแนวโน้มขาขึ้น
  • คาดกำไรไตรมาส 2/68 โตขึ้น YoY จากยอดขายและ GPM ที่สูงขึ้น แต่คาดจะลดลง QoQ จากค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูงขึ้นโดยเฉพาะจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาด
  • คงมุมมองเป็นกลางต่อกลุ่มและถอด KISS ออกจากรายชื่อหุ้นเด่นของเรา กำไรปกติและรายได้ของทั้งกลุ่มกำลังเข้าสู่เฟสการเติบโตแบบปกติ
Highlights
  • รีวิวผลประกอบการ กลุ่มเครื่องสำอางรายงานกำไรปกติรวมไตรมาส 1/2568 ที่ 225 ลบ. เพิ่มขึ้น 8.5% YoY และ 10% QoQ จากยอดขายและ GPM ของเครื่องสำอางที่สูงขึ้น และคิดเป็น 24.5% ของประมาณการกำไรรวมทั้งปีของเราที่ 917 ลบ. โดยรวม ปัจจัยหนุนการเติบโตของกำไรในเชิง YoY มาจาก KAMART ขณะที่กำไรสุทธิของ KISS ลดลง 13% YoY จากค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูงขึ้น
  • สถิติการดำเนินงาน รายได้เครื่องสำอางรวมในไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 1,139 ลบ. เพิ่มขึ้น 15.9% YoY จากโมเมนตัมการเติบโตเชิงบวกของยอดขายสกินแคร์และเครื่องสำอางแต่ลดลง 3.9% QoQ จากยอดขายที่ลดลงจาก KISS ผลจากช่วงโลว์ซีซั่นในไตรมาส 1 ด้าน GPM รวมไตรมาส 1/2568 เพิ่มขึ้นเป็น 53.6% เทียบกับที่ 52.6% ในไตรมาส 1/2567 จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และยอดขายที่สูงขึ้น โดยรวม สัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้ยังมีแนวโน้มขาขึ้นเนื่องจากสัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้ไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 32.8% เทียบกับที่ 28.7% ในไตรมาส 1/2567 และ 32.3% ในไตรมาส 4/2567 จากค่าใช้จ่ายการตลาดที่สูงขึ้นเพื่อสนับสนุนการเปิดตัวสินค้าใหม่
  • แนวโน้ม หลังการประชุมประจำไตรมาส 1/2568 ทั้ง 2 บริษัทต่างคงเป้าการเติบโตของกำไรปกติขาขึ้นท่ามกลางกำไรปกติไตรมาส 1/2568 ที่กลับมาเติบโตระดับปกติ ในเดือนเม.ย.-ธ.ค.2568 กำไรปกติกรอบบนของ KAMART บ่งชี้ถึงการเติบโตที่ 28% YoY ขณะที่เป้ากำไรปกติกรอบบนของ KISS ยังบ่งชี้ถึงการเติบโตที่ 15% YoY ทั้ง 2 บริษัทกล่าวว่าแนวโน้มการบริโภคในประเทศที่อ่อนตัวลงจะเป็นปัจจัยที่ฉุดการเติบโตของรายได้ของกลุ่มเครื่องสำอาง ขณะที่ยังต้องคงค่าใช้จ่ายการตลาดไว้เพื่อรักษาการรับรู้ของแบรนด์ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ ทั้งนี้ Statista คาดว่าตลาดเครื่องสำอางของประเทศไทยจะเติบโตด้วย CAGR 5 ปี (ปี 2568-73) ที่ 4.5% สำหรับในไตรมาส 2/2568 เราคาดว่ากำไรปกติรวมจะเติบโตขึ้น YoY จากยอดขายและ GPM ที่เพิ่มขึ้น แต่คาดจะลดลง 5% QoQ จากค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูงขึ้นโดยเฉพาะจากค่าใช้จ่ายการตลาดและค่าใช้จ่ายในการขายที่สูงขึ้น

มุมมอง KS

  • เป็นกลาง เราคงมุมมองเป็นกลางต่อกลุ่มและถอด KISS ออกจากรายชื่อหุ้นเด่นของเราจากมูลค่าหุ้นที่แพงและแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่อ่อนตัวลง
  • ดังนั้น ขณะนี้ เราจึงไม่มีหุ้นเด่นในกลุ่มเครื่องสำอาง เราคงมุมมองเดิมที่คาดว่ารายได้และกำไรปกติของกลุ่มจะเข้าสู่เฟสการเติบโตแบบปกติเนื่องจากเราคาดว่าประมาณการกำไรปกติรวมของกลุ่มจะมี CAGR 3 ปี (ปี 2567-70) ที่ 9.3% เทียบกับวัฎจักร CAGR 3 ปีก่อน (ปี 2564-67) ที่ 61% ถึงแม้ว่าอัตราตอบแทนเงินปันผลปี 2568 ที่คาดแข็งแกร่งของทั้ง KAMART และ KISS ที่ 5.4% และ 6.2% แต่เราเชื่อว่าจะไม่สามารถหักล้างมูลค่าหุ้นที่แพงได้เนื่องจากราคาหุ้น KAMART ขณะนี้ซื้อขายด้วย PER ปี 2568/69 ที่ 12.8/11.7 เท่า เทียบกับ CAGR 3 ปี ของ core EPS ที่ 9% ขณะที่ราคาหุ้น KISS ขณะนี้ซื้อขายด้วย PER ปี 2568/69 ที่ 12/11.2 เท่า เทียบกับ CAGR 3 ปี ของ core EPS ที่ 10.8%

- Advertisement -